KTBST มอง SET วันนี้ไปต่อตอบรับนโยบาย"ทรัมป์"แต่มีแรงกดดันจากคาด Fed ขึ้นดอกเบี้ย มี.ค.60

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 2, 2017 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล. เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (2 มี.ค.) ว่า จากวานนี้การพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สำคัญจะเป็นแผนลงทุนด้านสาธารณูปโภค และแผนการลดภาษี รวมทั้งอีกหลายๆนโยบายที่ใช้ตอนหาเสียง โดยไม่ได้มีความต่างกัน นั่นหมายความว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเดินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตามที่เคยพูดไว้ เท่ากับยืนยันให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯโดยตรง

และเรื่องที่สองที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ ด้วยความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจที่จะขยายตัวจากนโยบายเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค.นี้มีมากขึ้นตามไปด้วย ผนวกกับการแสดงความเห็นของ ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์และนิวยอร์กที่ออกมาสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ ประธานเฟดหลายท่านขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหลายๆ สถานที่ ค่าความน่าจะเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเดือน มี.ค. ปรับขึ้นจาก 52% เป็น 80% ในคืนที่ผ่านมา ตอกย้ำว่านักลงทุนเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้มากขึ้นในทันทีทันใด

ส่วนปัจจัยในประเทศ เป็นเรื่องของผลการดำเนินงานวันสุดท้ายของการส่งงบ โดยกำไรสุทธิของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากการเก็บข้อมูลเบื้องต้นของ KTBST อยู่ที่ 8.7 แสนล้านบาท +40.6% YoY ซึ่งเป็นกำไรที่ออกมาดีกว่าที่คาดไว้มาก โดยเราคาดว่า กำไรจะขยายตัวประมาณ 29% ขณะที่กำไรของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) อยู่ที่ 8.2 พันล้านบาท +20.1% YoY

ดังนั้น ปัจจัยบวกของการแถลงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นบวกต่อตลาดตรงที่นักลงทุนขายหุ้นหรือชะลอการลงทุนออกไปก่อนหน้านี้ พอผลออกมาเป็นบวกจึงกลับมาซื้อหุ้น แต่ถึงกระนั้น ตัวแปรที่ตามมาคือ โอกาสที่เฟดจะปรับดอกเบี้ยขึ้นมีมากขึ้นตามไปด้วย จะเป็นตัวถ่วงตลาดเพราะอาจเกิดการขายหรือปรับพอร์ตของนักลงทุนตามดอกเบี้ยและค่าเงินดออล่าร์สหรัฐฯ ภาพตลาดหุ้นวันนี้ จึงน่าจะเห็นความผันผวนทั้งจากการทำ cover short และการขายหุ้นของนักลงทุนที่มีความกังวลในเรื่องเงินทุนไหลออก ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯบวกได้ก็ไม่มากนัก

"ตลาดอาจยังจะไปต่อด้วยผลการดำเนินงานของตลาดและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางที่ดี เราแนะให้ถือหุ้นใหญ่ที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังดีและอิงกับภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจและดอกเบี้ยสหรัฐฯ น่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร ขณะที่กลุ่มส่งออกแม้แนวโน้มจะดีตามแต่อาจมีเรื่องการแข็งค่าของเงินบาทเป็นตัวถ่วง ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น TCAP , KSL , SVI , S11 , LPN , SAMART"นายมงคล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ