KTIS คาดปีนี้พลิกกำไรจากขาดทุน 512 ลบ.ปีก่อน หลังเริ่มรับรู้ฯ โรงไฟฟ้าเพิ่ม-รับอานิสงส์ราคาน้ำตาลดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 7, 2017 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าปีนี้ผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิอย่างแน่นอน จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 512.54 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณอ้อยเข้าหีบมากขึ้น และราคาน้ำตาลดีขึ้น รวมถึงจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้าเข้ามามากขึ้นหลังโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในวันที่ 16 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้จะสามารถหีบอ้อยได้ 8.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 7.5 ล้านตันในปีก่อน ด้วยผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยที่สูงกว่า 102 กิโลกรัมต่อตันอ้อย จึงทำให้ปริมาณการผลิตน้ำตาลในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 180 ล้านกิโลกรัม หรือคิดเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 1.8 พันล้านบาท โดยตั้งแต่ช่วงหีบอ้อยในปีการผลิต 59/60 จนถึงวันที่ 5 มี.ค.60 คิดเป็นจำนวน 88 วัน กลุ่มบริษัทสามารถหีบอ้อยได้สูงขึ้นกว่าปีก่อน 6.3% หรือ 6.07 ล้านตัน ซึ่งสามารถผลิตเป็นน้ำตาลได้ 6.24 ล้านกระสอบ หรือ 624 ล้านกิโลกรัม

ขณะที่ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกก็ปรับตัวสูงขึ้น จากช่วงต้นปี 59 เฉลี่ยอยู่ที่ 13-14 เซนต์/ปอนด์ มาที่ 20-21 เซนต์/ปอนด์ โดยกลุ่มบริษัทได้ขายน้ำตาลล่วงหน้าไปแล้ว 85% ทำให้คาดว่าราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาที่ 19.5-19.6 เซนต์/ปอนด์ จากปีก่อนราคาขายน้ำตาลของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 11-12 เซนต์/ปอนด์

นอกจากนี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ โดยกำลังการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวจะใช้ในโรงงาน 25 เมกะวัตต์ และขายเข้าระบบ 25 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในเดือน เม.ย. 59 ก็จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีอีกด้วย

"นอกจากราคาน้ำตาล และปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 จะช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทกลัมมามีกำไรได้อย่างแน่นอน และเราก็เชื่อว่าจะดีไปถึงปีการผลิต 60/61 ด้วย เนื่องจากฟ้าฝนค่อนข้างดี จะทำให้ผลผลิตอ้อยออกมาเพิ่มขึ้น จากช่วงก่อนหน้านี้ไปเจอปัญหาภัยแล้ง ประกอบกับชาวไร่ได้หันมาใช้เครื่องตัดอ้อยมากขึ้น ช่วยให้ได้ปริมาณผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยดีขึ้นด้วย"นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวถึงแผนการร่วมลงทุนโครงการไบโอคอมเพล็กซ์กับ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GCC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)ว่า จะสามารถจัดตั้งบริษัทได้ในปีนี้ โดยทั้งสองบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 ซึ่งในเฟสแรกจะลงทุนโครงการหีบอ้อยเพื่อผลิตเอทานอล ซึ่งคาดว่าจะใช้อ้อยในการหีบ 3 ล้านตัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ