โบรกฯเชียร์"ซื้อ"CBG รับมุมมองบวกตลาดจีนสดใส แม้รุกลงทุนหนักกระทบงบฯช่วงสั้น แต่หนุนผลงานดีระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 3, 2017 15:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) หลังมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นจากการขยายลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนที่มียอดคำสั่งซื้อเครื่องดื่มชูกำลังเข้ามามาก หลังได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้จัดจำหน่ายในจีน ขณะที่ตลาดส่งออกอื่นทั้งกัมพูชา ,อัฟกานิสถาน และอังกฤษ มีแนวโน้มสดใส

ตลอดจนการใช้โมเดลธุรกิจ Cash Van เพื่อรุกตลาดในทุกพื้นที่ ช่วยหนุนให้การทำตลาดในประเทศเติบโตได้ดี แม้ภาพกำลังซื้อโดยรวมจะยังมีไม่มากนัก ซึ่งจะช่วยผลักดันผลกำไรในปีนี้ให้ยังเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งแผนการร่วมลงทุนผลิตกระป๋องอลูมิเนียม รองรับการขยายตัวในต่างประเทศจะช่วยหนุนมาร์จิ้นให้ดีขึ้นในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การใช้เม็ดเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูงในการรุกตลาดไปต่างประเทศ ทั้งการเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล เพื่อสร้างแบรนด์เป็นที่รู้จัก รวมถึงการร่วมทุนในจีน แม้จะช่วยสร้างการเติบโตในระยะยาว แต่อาจจะเพิ่มความกังวลต่อผู้ถือหุ้นในปีนี้ และกดดันต่อผลประกอบการ แต่ภาพรวมมองว่า CBG ยังคงมีกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ในช่วงปี 60-61

ราคาหุ้น CBG ช่วงบ่ายอยู่ที่ 61.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+0.82%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.44%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                  ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)            ซื้อ                         79.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)               ซื้อเก็งกำไร                  66.00
          เคจีไอ (ประเทศไทย)              ซื้อ                         73.50
          กสิกรไทย                        ซื้อ                         66.00
          เออีซี                           ซื้อ                         75.00
          ทิสโก้                           ถือ                         58.00

นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อทิศทางการดำเนินงานของ CBG จากตลาดต่างประเทศที่มีการทำตลาดใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในจีนมีลูกค้าให้ความสนใจพรีออเดอร์เข้ามากว่า 65 ล้านกระป๋อง ส่วนอังกฤษก็ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี และมีแผนรุกตลาดโมเดิร์นเทรดตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามการลงทุนในต่างประเทศยังค่อนข้างเสี่ยง เนื่องจากแข่งขันกันรุนแรงและ CBG ถือว่ายังใหม่กับตลาดดังกล่าว ดังนั้น การเข้าไปลงทุนและทำการตลาดในระยะแรกอาจจะทำให้มีผลขาดทุน แต่หากสามารถทำยอดขายได้มากขึ้นก็จะทำให้การขาดทุนน้อยลงไปเรื่อย ๆ

สำหรับตลาดส่งออกอื่น โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ก็มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งจากการขยายช่องทางจัดจำหน่าย รวมถึงในอัฟกานิสถานและบราซิลที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ตลาดในประเทศ ยังคงเติบโตได้ดีจากการขายผ่าน Cash Van ซึ่งสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง และยังมีสินค้าเสริมอื่น ๆ เช่น น้ำดื่ม, กาแฟ และสินค้าฝากขาย ช่วยให้สามารถเพิ่มยอดขายได้แม้ในช่วงที่กำลังซื้อในประเทศจะไม่ได้มีมากนัก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำไรสุทธิของ CBG ปีนี้ประเมินว่าจะเติบโต 16% มาที่ 1.73 พันล้านบาท และยอดขายเติบโตราว 38% มาที่ 1.38 หมื่นล้านบาท แม้ผลการดำเนินงานจากต่างประเทศอาจจะยังไม่ทำกำไรได้มากนัก แต่ภาพรวมของ CBG ยังเติบโตได้จากยอดขายทั้งในและต่างประเทศที่ดี และมาร์จิ้นดีขึ้นหลังแก้ปัญหาเรื่องการจัดจำหน่ายในกัมพูชาและอัฟกานิสถานได้

ส่วนการร่วมลงทุนกับ SHOWA DENKO Group เพื่อตั้งโรงงานผลิตกระป๋องอลูมิเนียม โดยใช้งบลงทุนราว 2 พันล้านบาท จะช่วยรองรับการขยายตัวในต่างประเทศ และการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มมาร์จิ้นให้กับ CBG หลังโรงงานพร้อมเดินเครื่องผลิตในปลายปี 61

"จากงาน Opportunity Day ที่ผ่านมา ผู้บริหารให้มุมมองที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศ ที่ CBG มีแผนที่จะเดินไปข้างหน้า เป็น Global Brand ทำให้นักวิเคราะห์มีความมั่นใจต่อผลประกอบการในหลาย ๆ อย่าง ถามว่าปีนี้เองการที่จะไปตลาดต่างประเทศเหล่านี้ ก็อาจจะมีผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เยอะ ก็จะทำให้กำไรที่จะกลับมายังไม่ชัด อาจจะยังมีผลขาดทุนอยู่...แต่ภาพรวมมีมุมมองที่ดีขึ้นกว่าครั้งก่อน อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมามาก แม้จะมีมุมมองที่เปลี่ยนไปได้ view ที่ค่อนข้างดีขึ้น แต่ราคาขึ้นมามาก ก็เลยแนะนำเพียงซื้อเก็งกำไร"นางสาวนารี กล่าว

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผู้บริหารของ CBG กำหนดเป้ายอดขายในประเทศจีนปีนี้ใหม่เป็น 200 ล้านกระป๋อง จากเดิมที่ 50 ล้านกระป๋อง เนื่องจากปัจจุบันมียอดสั่งซื้อจนถึงเดือน มิ.ย.แล้วถึง 65 ล้านกระป๋อง ทำให้เคจีไอฯปรับสมมติฐานยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในจีนในปี 60-62 เป็น 120-300 ล้านกระป๋อง จากเดิม 30-100 ล้านกระป๋อง

การตอบรับอย่างดีจากผู้จัดจำหน่ายในจีนช่วยสร้างความหวังให้กับการขายสินค้าในจีน ซึ่งคาดว่าจะทำให้ CBG ขยายส่วนแบ่งตลาดได้เป็น 3.8% ในปี 62 ทั้งนี้ ในกรณีที่หาก CBG สามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 5-10% ในปี 62 ก็จะทำให้มี upside เพิ่มจากราคาเป้าหมายอีก โดยศักยภาพที่เพิ่มขึ้นในจีนจะช่วยสร้างความหวังให้กับตลาดต่อแผนการรุกตลาดโลกของ CBG

นอกจากนี้การประกาศแผนตั้งบริษัทร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตกระป๋องกำลังการผลิต 1,000 ล้านกระป๋อง/ปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการผลิตได้ในปี 62 น่าจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ CBG เพิ่มขึ้น

ดังนั้น จึงได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 62 ของ CBG ขึ้นอีก 15.4% จากศักยภาพที่สูงขึ้นของบริษัทร่วมทุนในจีน และมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตกระป๋องใช้เอง โดยปรับเพิ่มประมาณการรายได้ในปี 60-62 ขึ้นอีก 2.1-5.1% เนื่องจากศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของ CBG ในตลาดจีน ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากการส่งออกไปจีนในปี 60-62 เป็น 0.94-2.34 พันล้านบาท จากเดิม 240-800 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดประมาณการรายได้จากยอดขายในประเทศในปี 60-62 ลง 4.9-5.0% จากการแข่งขันที่น่าจะเพิ่มขึ้นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ ส่งผลให้ปรับลดสมมติฐาน GPM ในปี 60 และ 61 ลงเหลือ 35.7% และ 35.0% ตามลำดับ แต่ปรับเพิ่มสมมติฐานปี 62 ขึ้นเป็น 35.5% จากการประหยัดต้นทุนด้วยการผลิตกระป๋องใช้เอง

บทวิเคราะห์บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่าแม้ยอดขายจากจีนจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นในระยะสั้น แต่มองว่าแนวโน้มการเติบโตระยะยาวตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไปจะมีความน่าสนใจมากกว่า จากการลงทุนราว 5 พันล้านบาทของ CBG เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับตลาดต่างประเทศ และการเพิ่มอัตรากำไรในอนาคต ซึ่งอาจจะเพิ่มความกังวลต่อผู้ถือหุ้นในปีนี้ แต่ในอนาคตเห็นว่า CBG ยังมีความสามารถในการเติบโตสูง

ด้านบล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แผนการลงทุนของ CBG เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตโรงงานบรรจุขวด ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตบรรจุขวดเป็น 1,535 ล้านขวด/ปี มูลค่าเงินลงทุน 1.75 พันล้านบาท คาดว่าจะพร้อมดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/60 ,โครงการร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อรุกตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่กลุ่มประเทศจีน โดย CBG จะเสมือนถือหุ้นในบริษัทร่วม 40.5%-44.1% มีมูลค่าเงินลงทุน 690.4 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/60 และโครงการร่วมทุนทำโรงงานผลิตกระป๋องอลูมิเนียมที่ใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ โดยมีกำลังการผลิต 1,000 ล้านกระป๋อง/ปี มูลค่าเงินลงทุนราว 2.16 พันล้านบาท และคาดพร้อมดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/61

จากแผนการลงทุนดังกล่าว ทำให้ CBG จำเป็นต้องรับรู้ค่าเสื่อมเครื่องจักรและอาคารโรงงานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่จีนในช่วงเริ่มต้น จึงปรับลดประมาณการกำไรของ CBG ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดีภายใต้ประมาณการใหม่ยังคาดปี 60-61 จะยังมีกำไรสุทธิโตเฉลี่ยปีละ 20.1% จากเดิมคาดโตปีละ 27.2% ขณะที่หากพิจารณาฐานะการเงินของ CBG พบว่า ยังมีความแข็งแกร่งเพียงพอรองรับแผนขยายธุรกิจที่คาดต้องใช้เงินทุนเฉลี่ยปีละ 3.33 พันล้านบาท โดยที่ผู้ถือหุ้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเพิ่มทุนแต่อย่างใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ