(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวไม่หวือหวา-คาดวอลุ่มเทรดบางก่อนหยุดยาวสงกรานต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 10, 2017 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวแต่ไม่หวือหวา ดัชนีฯคงเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ แต่เนื่องจากตลาดบ้านเรามีวันทำการเหลือแค่ 3 วันก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนั้น มูลค่าการซื้อขายโดยรวมคงไม่มาก

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและลบ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นอยู่ในแดนบวก ภายหลังจากตัวเลขดุลการค้าออกมาดีกว่าคาด ส่วนปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับประเทศอื่น ๆ ทั้งรัสเซ๊ย-เกาหลีเหนือ-ซีเรีย ยังมีผลกระทบไม่มาก เพราะมองว่ายังเป็นเพียงแค่การขู่กันมากกว่า ตลาดฯจึงคาดหวังว่าคงไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น อาจเป็นแค่ปัจจัยระยะสั้น (Short term) ซึ่งความเสี่ยงตรงนี้ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามพัฒนาการของสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีต่อไป รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วย ส่วนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าตลาดคาดมาก ดังนั้นจึงเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็น่าจะช่วยให้ตลาดในเอเชียบวกต่อไปได้

พร้อมให้แนวรับ 1,577-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,592 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,656.10 จุด ลดลง 6.85 จุด (-0.03%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,877.81 จุด ลดลง 1.14 จุด (-0.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,355.54 จุด ลดลง 1.95 จุด (-0.08%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 135.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.16 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 34.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลง, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.99 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 เม.ย.60) 1,583.53 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด (+0.09%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 478.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 เม.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 เม.ย.60) ปิดที่ 52.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1.04%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 เม.ย..60) ที่ 6.04 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.64/66 แนวโน้มอ่อนค่า หลังดอลล์แข็ง-Fund Flow ชะลอ
  • สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ประจำสหรัฐ ได้จัดทำผลศึกษาเบื้องต้นโดยระบุว่าหากสหรัฐตอบโต้ทางการค้ากับไทย มีแนวโน้มที่สินค้าหลายรายการอาจถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) โดยเฉพาะสินค้าได้รับสิทธิยกเว้นภาษีนำเข้าที่จะหมดอายุลงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เช่น กลุ่มอาหาร และเครื่องเดินทาง ที่จะไม่ได้รับพิจารณาต่ออายุได้ทัน ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกไปสหรัฐในปี 2561
  • สำนักงบประมาณได้รายงานให้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบถึงความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2560 ช่วง 6 เดือน (ต.ค. 2559- มี.ค. 2560) พบว่าจากงบประมาณทั้งสิ้น 2.92 ล้านล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว 1.45 ล้านล้านบาท หรือ 49.70% หากไม่รวมงบกลางปี 1.9 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการเบิกจ่าย 53.15% สูงกว่าเป้าหมาย 1.15%
  • รายงานข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อผู้ประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการได้เปิดให้บริการแล้ว 23 ราย มีสาขารวมกันมากกว่า 1,700 สาขา มียอดปล่อยกู้รวมกัน ณ สิ้นไตรมาสแรก 3,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนมีผู้ที่ได้รับสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ประมาณ 1 แสนราย ทั้งนี้ในส่วนยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ยังอยู่ในระดับต่ำคือ 1.5% ของยอดสินเชื่อรวม
  • แบงก์ชาติ แจงมาตรการลดปริมาณการออกพันธบัตรระยะสั้น 3-6 เดือนเป็นมาตรการระยะสั้นในเดือน เม.ย.เพื่อสกัดเงินไหลเข้ามากกว่าที่จะหวังผลด้านการค้า ระบุเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ อาจจะเป็นผลลบกับเศรษฐกิจไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • WHAUP (บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยราคาขาย IPO 26.25 บาท/หุ้น

WHAUP เป็นผู้ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวเป็นระยะเวลากว่า 50 ปี นับจากวันที่ 30 มีนาคม 2559 ในการให้บริการสาธารณูปโภคแบบครบวงจรแก่ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมตามที่กำหนดของกลุ่ม บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน (กลุ่มเหมราชฯ) ในการจัดจำหน่ายน้ำดิบผลิตและจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม และบริหารจัดการน้ำเสียและลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนประมาณ 350 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มเป็น 540 เมกะวัตต์ ภายในต้นปี 2562 ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานทั้งหมดของกลุ่ม บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) และกลุ่มเหมราชฯ ให้มาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทฯ

  • WHA (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 3.8 บาท ปรับลดกำไรลง 14-21% แต่เป็นเพราะบริษัทต้องการเงินลดลง จึงไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์มากเท่าเดิม ขณะที่แนวโน้มธุรกิจคลังสินค้าให้เช่ายังคงดีตามแนวโน้มธุรกิจ e-commerce ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวก็คาดว่าจะดีขึ้น จากโครงการ EEC ของรัฐบาล
  • BBL (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 189 บาท ประเมินงบดุลของธนาคารพาณิชย์ไทยเดือน ก.พ. เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยสินเชื่อเริ่มขยายตัว และเริ่มมีการระดมเงินฝากมากขึ้น โดยประเมิน Valuation BBL ไม่แพง ด้วย PBV 0.92 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 1.1 เท่า (ตอนนี้เทรดอยู่ที่บริเวณ -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และปันผล 4.5 บาท/หุ้น (Dividend yield 2.5%) ขึ้น XD วันที่ 20 เม.ย.
  • TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท แนวโน้มกำไรปกติ 1Q60 ยังไม่สดใสนัก คาด 989 ล้านบาท -23.6% Q-Q, +2.3% Y-Y เพราะเป็น low season ของธุรกิจทูน่า และถูกกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่า ส่วนธุรกิจ Red Lobster คาดว่าจะพลิกเป็นกำไรได้ ในไตรมาสนี้จะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้กำไรสุทธิดูดี +43% Q-Q, +4.7% Y-Y แนวโน้มผลประกอบการทั้งกลุ่มจะฟื้นตั้งแต่ 2Q60 โดยยังคาดกำไรทั้งปี +26% Y-Y ปัจจุบันมี PE เพียง 15 เท่า คิดเป็น PEG 0.6 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ