TISCO เผย Q1/60 กำไรโต 18.8% รุกขยายฐานรายย่อย คาดโอนพอร์ต"สแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด"แล้วเสร็จปลายปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 17, 2017 17:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/60 ของกลุ่มทิสโก้ มีกำไรสุทธิ 1,490.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 235.73 ล้านบาท หรือ 18.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 59 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2.7% จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.3% จากการเติบโตของทุกภาคธุรกิจ รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์เติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

ส่วนรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ขยายตัวตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เพิ่มมากขึ้นและส่วนแบ่งตลาดของบล.ทิสโก้ที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้ง รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้นตามการออกกองทุนที่ตอบรับความต้องการของตลาดในช่วงตลาดทุนผันผวน

นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้รับรู้รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ จากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ผ่านมา

ในส่วนของการตั้งสำรองหนี้สูญในไตรมาสนี้ ลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 มี.ค.60 มีจำนวน 220,522.70 ล้านบาท ลดลง 2.0% จากสิ้นปีก่อนหน้า ตามนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังของกลุ่มทิสโก้ อย่างไรก็ดี สินเชื่ออเนกประสงค์ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ที่ 1.8% ตามแผนการขยายธุรกิจและสาขาของกลุ่มทิสโก้

หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น ตามนโยบายการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง 8.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า และอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 1/60 ลดลงจาก 2.50% ณ สิ้นปี 59 มาอยู่ที่ 2.37% ในขณะเดียวกัน สัดส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 164%

กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำที่ 40.9% นอกจากนี้ ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) อยู่ที่ 19.8% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ 9.75% ซึ่งกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 14.9% และ 4.9% ตามลำดับ

ผลจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม ประกอบกับการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ดี

สำหรับการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่ 2/60 นั้น กลุ่มทิสโก้ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ภายใต้การบริหารความเสี่ยงและการกับดูแลกิจการที่ดี โดยเฉพาะการเดินหน้าการถ่ายโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail Banking) จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด (ไทย) (SCBT) หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ให้ความเห็นชอบให้ดำเนินการตามโครงการโอนและรับโอนกิจการของลูกค้ารายย่อย ประกอบด้วย ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อธุรกิจรายย่อย สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บริการธนบดีธนกิจ (Wealth Management) เงินฝากรายย่อย รวมทั้งสาขา จากธนาคาร สแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด ให้แก่ธนาคารทิสโก้ และการถ่ายโอนธุรกิจบัตรเครดิต ให้แก่บริษัท ออล-เวย์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารทิสโก้ โดยปัจจุบันการดำเนินงานถือว่าเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้เป็นอย่างดี และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 60 นี้


แท็ก ทิสโก้  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ