ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,562.27 จุด ลดลง 2.39 จุด (-0.15%) มูลค่าการซื้อขาย 46,297.44 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,569.90 จุด ขณะที่ดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,553.44 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 336 หลักทรัพย์ ลดลง 833 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 376 หลักทรัพย์
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง ทำให้อ่อนกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก แม้แต่ตลาดในยุโรปก็อยู่ในแดนบวกเฉลี่ย 0.2% โดยต่างรอติดตามแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐที่คาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ขณะที่สภาคองเกรสบางส่วนอาจยังไม่เห็นด้วย ดังนั้นมาตรการที่ประกาศออกมาอาจจะไม่แรงอย่างที่ตลาดคาดหวังไว้ก็ได้
สำหรับบ้านเราวันนี้เกิดแรงขายหุ้นรายตัว โดยมีแรงขายต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มแบงก์จากความกังวล NPL ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ รวมถึงมีแรงขายหุ้นตัวอื่นออกมาด้วยจากปัจจัยเฉพาะตัว ทำให้ตลาดฯอ่อนตัวลง
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโมเมนตัมเป็นลบ ดังนั้น คงต้องระมัดระวังการลงทุน เพราะทางเทคนิคไม่ดีหลังหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1,573 จุด และยังมีแรงขายหุ้นเป็นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ และหุ้นที่เทรดด้วย P/E สูง
พร้อมให้แนวรับ 1,530-1,520 จุด โดยมีแนวฟิวเตอร์ที่ 1,550 จุด และมีแนวต้านที่ 1,570 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 4,260.68 ล้านบาท ปิดที่ 19.50 บาท ลดลง 1.10 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,666.98 ล้านบาท ปิดที่ 185.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,608.66 ล้านบาท ปิดที่ 41.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,341.88 ล้านบาท ปิดที่ 9.30 บาท ลดลง 0.60 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,254.68 ล้านบาท ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท