ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,566.77 จุด ลดลง 0.70 จุด (-0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 33,298.91 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,569.36 จุด ขณะที่ดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,563.58 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 547 หลักทรัพย์ ลดลง 523 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 437 หลักทรัพย์
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ วอลุ่มเทรดบาง เนื่องจากไม่มีปัจจัยที่มีนัยสำคัญทั้งบวก-ลบเข้ามา ตลาดฯจึงไม่ไปไหนไกล อีกทั้งการทยอยประกาศผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนช่วงนี้ยังไม่มีรายใดสร้าง Surprise และ Valuation ของตลาดฯก็ดูจะทรงตัว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน หลังจากมาตราการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศมาเมื่อคืนยังไม่มีรายละเอียด ส่วนเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯก็มองว่าไม่น่าจะมี Impact ต่อ Fund Flow มากนัก
พร้อมแนะจับตาทิศทางค่าเงินบาทหลังจาก 1-2 วันที่ผ่านมามีสัญญาณของการอ่อนค่า ซึ่งอาจต้องดูว่าจะสะท้อน Fund Flow ให้ไหลออกหรือไม่ และวันนี้ต่างชาติได้ขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไปถึง 2,000 ล้านบาท อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก และให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะแถลงในวันพรุ่งนี้ด้วย
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (28 เม.ย.) นายณัฐาชาต กล่าวว่า ตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,530.83 ล้านบาท ปิดที่ 8.60 บาท ลดลง 0.20 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,329.54 ล้านบาท ปิดที่ 19.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
IRPC มูลค่าการซื้อขาย 973.86 ล้านบาท ปิดที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 964.05 ล้านบาท ปิดที่ 175.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 958.82 ล้านบาท ปิดที่ 40.75 บาท ลดลง 0.75 บาท