TPIPP มั่นใจ 3 โรงไฟฟ้าพร้อม COD ทัน Q4/60 หลังผ่าน EIA แล้ว 1 หนุนกำลังผลิตเพิ่มเป็น 440 MW

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 9, 2017 16:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภากร เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) กล่าวว่า การเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้าใหม่อีก 3 โรงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้นจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 4/60 ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 290 เมกะวัตต์ (MW) รวมเป็น 440 MW โดยโรงไฟฟ้าถ่านหิน-RDF 70 MW (TG 7) ได้ผ่านการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว คงเหลืออีก 2 โรง ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายงาน EIA จากภาครัฐ

ขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและเตรียมติดตั้งหม้อผลิตไอน้ำสำรองในโรงไฟฟ้าอีก 3 โรง ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30 MW ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/60 นอกจากนี้ ยังได้เตรียมติดตั้งหม้อผลิตไอน้ำสำรองสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 60 MW และติดตั้งหม้อผลิตไอน้ำสำรองสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะแห่งใหม่ 70 MW ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยคาดว่าการติดตั้งจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/60 ถึงไตรมาส 1/61 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงในการผลิตกระแสไฟฟ้ารวมถึงสร้างรายได้แก่การดำเนินงานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน ของ TPIPP กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 สามารถทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการ โดยมีรายได้รวม 1,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,203 ล้านบาท และสูงกว่าไตรมาส 4/59 ที่มีรายได้รวม 1,226 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 มีจำนวน 698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 636 ล้านบาท และสูงกว่าไตรมาส 4/59 ที่มีกำไรสุทธิ 404 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งที่ใหญ่ที่สุดในไทย ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังได้ลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรแล้วเสร็จส่วนหนึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในไตรมาสแรกของปีนี้ได้รวม 197.10 ล้านหน่วย ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและสูงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้รวม 181.39 หน่วย และ 180.43 หน่วยตามลำดับ

“บริษัทผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 20 MW และโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 60 MW ที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ซึ่งได้รับ Adder ที่ 3.50 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สามารถผลิตปริมาณไฟฟ้าได้สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินกิจการ" นายภัคพล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ