โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) หลังมองกำไรสุทธิปี 60 จะเติบโตก้าวกระโดดกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน คาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวโดดเด่นตั้งแต่ไตรมาส 1/60 จากการตอบรับคอนเทนท์ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะรายการที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่าง The Mask Singer ผลักดันให้เรตติ้งเพิ่มขึ้นมากต่อเนื่อง และสามารถปรับเพิ่มอัตราค่าโฆษณาได้เร็วกว่าที่คาด
พร้อมเลือกเป็น Top Pick ในกลุ่มบันเทิง จากคาดการณ์กำไรที่เติบโต จากเรตติ้งที่เพิ่มโดดเด่นสุด รวมถึงการมีคอนเทนท์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ราคาหุ้น WORK ยังมี Uside อยู่สูง ซึ่งมีความน่าสนใจต่อการลงทุน
ราคาหุ้น WORK พักเที่ยงอยู่ที่ 55 บาทลดลง 0.25 บาท (-0.45%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.09%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 62 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 66 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 62 ทิสโก้ ซื้อ 62 ธนชาต ซื้อ 62 เอเซีย พลัส ซื้อ 64นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ WORK ในไตรมาส 1/60 จะเติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และพลิกจากขาดทุนสุทธิในไตรมาสก่อนที่ได้รับผลกระทบช่วงการไว้อาลัย และการมีเรตติ้งที่ดีจากรายการที่ได้รับความนิยม อย่าง The Mask Singer ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 2/60 ยังดีต่อเนื่องจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยเรตติ้งที่ดียังทำให้สามารถปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด
ทั้งนี้ ประเมินกำไรของ WORK ในปี 60 ที่ระดับ 515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159% จากปีที่แล้ว และยังคงเลือก WORK เป็น Top Pick ของกลุ่มบันเทิงจากกำไรที่เติบโตโดดเด่น และการมีเรตติ้งที่ดี โดยสามารถรักษาอันดับ 3 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้มีโอกาสในการปรับขึ้นค่าโฆษณารวมถึงอัตราการเช่าช่องเพิ่มขึ้น
"เรายังแนะนำ"ซื้อ"มาจากกำไรไตรมาส 1 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวโดดเด่นทั้ง yoy และ qoq ที่จะพลิกจากขาดทุนในไตรมาสที่แล้วที่ได้รับผลกระทบจากการไว้อาลัย รายได้ทีวีก็จะกลับมาเป็นปกติ และการมีเรตติ้งที่ดีจากรายการที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่าง The Mask Singer"นายอภิชาติ กล่าวทิสโก้ ประเมินว่า WORK จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ที่ระดับ 84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และพลิกจากขาดทุนในไตรมาส 4/59 โดยรายได้ธุรกิจทีวีที่กลับมาเพิ่มขึ้นจากอัตราการเช่าช่วงเวลาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 50% และอัตราค่าโฆษณาที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 62,000 บาท/นาที จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 50,000 บาท/นาที และการขายแยกรายการที่มีเรตติ้งสูงกว่า 13 รายการที่ปรับค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นราว 33% เป็นเฉลี่ยที่ 200,000 บาท/นาที
ขณะที่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์โดยคาดว่า WORK จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 ที่ระดับ 109 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 278% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากขาดทุนสุทธิ 72 ล้านบาทในไตรมาส 4/59 โดยกำไรที่เติบโตอย่างมาก มาจากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 46% จากงวดปีก่อน ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจทีวี ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เนื่องจากปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาจาก 46,000-47,000 บาท/นาทีในไตรมาส 1/59 เป็น 60,000 บาท/นาที ตามเรตติ้งที่ไต่สูงขึ้นจาก 1.16 ในไตรมาส 1/59 เป็น 1.56 ในไตรมาส 1/60
ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ผลประกอบการที่พลิกมาเป็นกำไรก็มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่ทีวีทุกช่อง รวมถึง Workpoint TV ออกอากาศรายการตามปกติได้เต็มไตรมาส เมื่อเทียบกับในไตรมาส 4/59 ที่มีรายการพิเศษในช่วงไว้อาลัย นอกจากนี้ ยังมีอีเวนต์เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากการแสดง"นิทานหิ่งห้อย เดอะมิวสิคคัล"9 รอบที่ถูกเลื่อนมาจากไตรมาสก่อนมาเป็นไตรมาส 1/60
เคจีไอฯ ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อ ที่ Overweight และเลือก WORK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เนื่องจากมีอัตราการเติบโตแข็งแกร่งที่สุด
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ยังคงเลือก WORK เป็น Top Pick ในกลุ่ม จากคาดการณ์กำไรโตสูงในช่วง 2 ปี โดยคาดว่ากำไรปกติในปี 60 และปี 61 จะเติบโต 135% และ 33% ตามลำดับ จากการเป็นผู้ประกอบการทีวีรายใหม่ที่มีเรตติ้งเพิ่มโดดเด่นสุดจากคอนเทนท์ที่แข็งแกร่ง และราคาหุ้นยังมี Upside จากราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 62 บาท ประกอบกับ มีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/60 ที่ฟื้นตัวสูง
ส่วนแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/60 ยังจะเร่งตัวขึ้น เนื่องจากเข้าช่วงไฮซีซั่นของตลาดโฆษณาและคาดช่องWorkpoint TV ยังมีความสามารถในการทำรายได้เพิ่มมากกว่าอุตสาหกรรม จากตัวเลขเรตติ้งของช่องที่ยังเพิ่ม แม้เป็นอัตราชะลอจาก 2-3 เดือนก่อนที่เร่งตัว โดยรายการที่ยังได้รับความนิยมและกระแสแรงอย่างมาก โดยเฉพาะ The Mask Singer และรายการอื่น ๆ I can see Your Voice , ไมค์ทองคำ 5 , ปริศนา ฟ้าแลบ เป็นต้น
และมีรายการใหม่ ๆ เช่น Small Talk , ละครใหม่ นางแค้น และรายการประเภท Big Format ที่ซื้อลิขสิทธิ์จากเกาหลี คือ We Kids Thailand, My Little TV เป็นต้น