น.ส.ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) กล่าวว่า บริษัทคาดยอดขายในไตรมาส 2/60 น่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/60 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามการเติบโตของยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพอากาศร้อน
รวมถึงในไตรมาส 2/60 บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ "เซ็ปเป้คาราวาน: ภารกิจมอบมง แซ่บ เป๊ะ ปัง จัดกิจกรรม SAPPE Healthy Lifestyle Program เลือกที่ชอบ ดื่มที่ใช่" พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ ,เซ็ปเป้ อโลเวร่า ดริ้งค์ และกาแฟเพรียว คอฟฟี่ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงฤดูร้อน ขณะที่ในต่างประเทศก็เป็นช่วงของไฮซีซั่นที่จะเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มอีกจำนวน 6 SKU จากครึ่งปีแรกออกสินค้าใหม่ไปแล้วจำนวน 7 SKU ขณะเดียวกัน บริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตจากต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากเป็นฤดูกาลขายในกลุ่มตลาดสำคัญ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของตลาดต่างประเทศปีนี้ราว 15% ส่วนในประเทศคาดจะมีการเติบโตราว 5% จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะผลักดันการเติบโตของบริษัทในภาพรวมปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 10%
"ปีนี้เรายังคงเป้าหมายเติบโตได้ราว 10% แม้ว่าไตรมาส 1/60 ตัวเลขที่ออกมาไม่ดีมากนัก จากลูกค้าสต็อกของไว้มาก แต่เชื่อว่าไตรมาส 2/60 จะดีกว่าไตรมาสแรก และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการออกแคมเปญ และผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงหน้าร้อน ขณะที่ก็คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ น่าจะดีกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 43.82% จากการที่ได้ทำป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่ผันผวนลดลง รวมถึงพยายามให้ลูกค้าจ่ายเป็นเงินไทยมากขึ้น"น.ส.ปิยจิต กล่าว
ในปีนี้บริษัทวางงบด้านการตลาดไว้ราว 200 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะใช้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะมีการออกแคมเปญใหญ่อีก 1-2 แคมเปญ ในช่วงไตรมาส 3/60 ภายใต้แบรนด์กาแฟเพรียว คอฟฟี่ และเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ โดยจะเน้นทำการตลาดในต่างประเทศเป็นหลัก
น.ส.ปิยจิต กล่าวถึงแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมในปีนี้ว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีความสนใจในประเทศแอฟริกา ,อเมริกาใต้ เป็นต้น ซึ่งมองว่าประเทศดังกล่าวมีประชากรจำนวนมาก และเป็นตลาดขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีการส่งออกไปยังต่างประเทศแล้วกว่า 74 ประเทศทั่วโลก
ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนสร้างคลังสินค้าในไทยเพิ่มเติม และการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในช่วงปลายปี 60
น.ส.ปิยจิต กล่าวว่า ส่วนผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบมะพร้าวน้ำหอมภายใต้แบรนด์ ALL COCO บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันธุรกิจเฟรนไชส์ของคนไทยไปเปิดสาขาให้เป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นสาขาแรกในต่างประเทศเปิดดำเนินการภายในปีนี้ตามแผนที่วางไว้