ห้างเซ็นทรัลทุ่มงบ 350 ลบ.รีแบรนด์-ปรับโฉม ตั้งเป้ายอดขายใน-ตปท.ปีนี้โต 5-6% รุกขยายออนไลน์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 12, 2017 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนิตย์สินี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์ในการพลิกโฉมหน้าห้างเซ็นทรัลครั้งใหญ่ว่า ในโอกาสที่ห้างเซ็นทรัลครบ 70 ปี บริษัทฯ จะใช้งบประมาณรวม 350 ล้านบาทปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาดค้าปลีกโลก และพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความท้าทายใหม่ๆ ที่มีเข้ามาตลอด

สำหรับการเปลี่ยนแปลงแรกที่ชัดเจนที่สุดคือ การรีแบรนด์ ปรับเปลี่ยนโลโก้และองค์ประกอบของแบรนด์ห้างเซ็นทรัลให้มีความทันสมัยและเรียบง่ายมากขึ้น ตั้งแต่ฟอนต์ตัวอักษรของโลโก้ (font) ภาพดอกกุหลาบ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความหนักแน่น ตั้งใจ และมุ่งมั่นของห้างเซ็นทรัลในการบริการลูกค้า อีกทั้งยังสอดรับกับทิศทางความเป็นห้างสรรพสินค้าระดับโลกที่จะตอกย้ำความเป็นผู้นำของเซ็นทรัลได้เป็นอย่างดี

ขณะที่การปรับโฉมรูปแบบห้างสรรพสินค้าจะเน้นเรื่องของการ "ส่งมอบประสบการณ์" ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว ภายใต้กลยุทธ์ “EVERYONE” OF A KIND คือ การดูแลลูกค้าให้ทุกคนรู้สึกเสมือนเป็นคนพิเศษทุกครั้งที่มาห้างเซ็นทรัล ให้คนที่เข้ามารู้สึกสนุก ตื่นเต้น และแปลกใหม่ไปกับบริการที่สะดวกสบาย สินค้าที่ครบครันมากที่สุด รวมถึงกิจกรรมการตลาดที่น่าตื่นตาตลอดทั้งปี ซึ่งล้วนแต่ตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า

ภายใต้แผนดังกล่าว นับจากนี้ห้างเซ็นทรัลจะเป็นมากกว่าจุดซื้อขายสินค้าทั่วไป มาเป็นพื้นที่แห่งการสร้างประสบการณ์ที่ผู้คนจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันมากยิ่งขึ้น โดยจะค่อยๆ เห็นความเปลี่ยนแปลง ซึ่งล่าสุดในปีที่ผ่านมามีการปรับปรุงห้างเซ็นทรัล สาขาบางนา, ปิ่นเกล้า เสร็จสมบูรณ์ และดำเนินการปรับโฉมใหม่หมดทั้งส่วนของศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 3 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงใหม่และมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมอีก 2 สาขาใหม่ คือ ห้างเซ็นทรัลนครราชสีมา ที่พร้อมให้บริการในเดือน พ.ย.นี้ และห้างเซ็นทรัลภูเก็ต ที่มีกำหนดเปิดในปี 61

นอกจากนี้ เตรียมเปิดให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Central โฉมใหม่ ที่พัฒนาปรับโฉมใหม่ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ทุกมิติ ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างประสบการณ์ช้อปปิ้งในห้างและการช้อปปิ้งออนไลน์ผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน (Omnichannel) กลายเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ผนวกกันแบบไร้รอยต่ออย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการให้ข้อมูลแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ โปรโมชั่นที่สามารถเลือกได้ตามเพศชายและหญิง เข้าถึงความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น พร้อมคอนเทนต์ให้อัพเดตเทรนด์แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ และหากถูกใจสินค้าชิ้นใด ก็สามารถช้อปปิ้งได้ง่ายขึ้น

ด้านางยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้ขยายความสำเร็จไปถึงภูมิภาคอาเซียน และยังบุกเบิกไปไกลถึงยุโรป โดยเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าระดับลักชัวรีหลายแบรนด์ที่ล้วนแต่ตั้งอยู่ในใจกลางมหานครใหญ่ของยุโรปที่มีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระดับโลกไม่ว่าจะเป็น มิลาน โคเปนเฮเกน ฮัมบูร์ก เบอร์ลิน มิวนิก และโรม

“เรียกได้ว่าห้างเซ็นทรัลในวันนี้ไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้าระดับประเทศ หรือภูมิภาคอีกต่อไป แต่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน ที่ธุรกิจของคนไทยสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าหรูระดับโลกได้แล้วอย่างแท้จริง ล่าสุด ห้างสรรพสินค้าลา รีนาเชนเต สาขา มิลาน ได้รับเลือกให้เป็นห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2559 อีกด้วย ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าของเรา 60% มาจากในไทย อีก 40% มาจากต่างประเทศและยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ห้างเซ็นทรัลยังมีแผนยกระดับบริการไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวเว็บไซต์ Aux Villes Du Monde.com (AVDM) และแอปพลิเคชั่นภายใต้ชื่อเดียวกันบนสมาร์ตโฟน ที่จะทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าห้างเซ็นทรัลและห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ในเครือในทุกประเทศทั่วโลก ได้รับการเชื่อมโยงถึงกันโดยสมบูรณ์

นอกจากลูกค้าจะสามารถเข้ามาค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวของเมืองที่มีสาขาตั้งอยู่แล้ว ยังสามารถติดต่อกับห้างในต่างประเทศเพื่อใช้บริการต่างๆ เช่น จองโรงแรม ร้านอาหาร หรือเลือกซื้อสินค้าในห้างสาขาต่างประเทศที่ไม่มีจำหน่ายในไทย โดยเปิดให้ดาวน์โหลดใช้งานได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทั้งระบบ iOS และ Android

นายยุวดี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศปีนี้ที่ราว 1.3 แสนล้านบาท หรือเติบโต 5-6% จากปีก่อนที่ราว 1 แสนล้านบาท โดยกำลังซื้อในปัจจุบันยังไม่ได้ดีเท่าใด ขณะเดียวกันกลุ่มคนที่ยังมีกำลังซื้อก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเป็นการใช้เงินกับการกิน การเที่ยว และนำเงินไปซื้อสินค้าในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทฯก็ได้ปรับรูปแบบการให้บริการที่เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยบริษัทฯคาดว่าหลังจากช่วงเดือน ต.ค.ไปแล้วกำลังซื้อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะกลับมาเพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายมาจากในประเทศ 60% และจากต่างประเทศ 40%

ทั้งนี้ จากเทรนการซื้อสินค้าที่เปลี่ยนไป ทางบริษัทฯก็ไม่ได้หยุดพัฒนา โดยทางบริษัทได้มีการพัฒนารูปแบบสินค้าที่หลากหลาย และเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาบริการในรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะช่องทางการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มยอดขายออนไลน์ขึ้นเป็น 5-10% ใน 3-5 ปี จากปัจจุบันมีไม่ถึง 1%


แท็ก เซ็นทรัล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ