นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. วรรณ เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ แม้ว่าโดยภาพรวมดัชนีหุ้นไทยจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ระยะสั้นคาดว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ 1,560-1,600 จุด เนื่องจากดัชนีอาจจะถูกกดดันจากการปรับลดประมาณ EPS ของบริษัทจดทะเบียนหลังการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2/60
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใน 15 จังหวัดสำคัญต่อภาคการเกษตร ที่อาจส่งผลต่อการชะลอตัวของกำลังซื้อในประเทศ และเป็นปัจจัยกดดันต่อกลุ่มค้าปลีก ในส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศหลังเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธใกล้บริเวณเขตเศรษฐกิจญี่ปุ่น" นายพจน์ กล่าว
นายพจน์ กล่าวว่า สำหรับแรงสนับสนุนดัชนีตลาดหลักทรัพย์มาจากภายนอกประเทศ คือ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและจากการที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป กอปรกับ การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้ยังมีกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งยังมีแนวโน้มการไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในดัชนี Emerging Market(MSCI EM) นับตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นประมาณ 23%
ล่าสุด ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มคาดว่า ธนาคารกลางอินเดียน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 6.25% เป็น 6.00% ซึ่งจะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปีที่แล้ว อีกทั้งการประกาศตัวเลข GDP ของอินโดนีเซียที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ส.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงสุดในเอเชีย ในระยะถัดจากนี้มองว่า ตลาดในแถบภูมิภาคเอเชียเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าติดตามอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นของบลจ.วรรณ ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีโดยคณะกรรมการมีมติประกาศจ่ายปันผลเพิ่มอีก 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ธนาวรรณ (THANA1) จากกำไรสุทธิของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2560 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.39 บาท โดยมีกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยเพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 4 สิงหาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน THANA1 ให้ผลตอบแทนที่ดีมาโดยตลอด ทั้งผลการดำเนินในช่วง 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี อยู่ที่ระดับ 13.04% 6.21% 9.16% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน อยู่ที่ระดับ 11.17% 2.64% 6.50% ตามลำดับ