ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ PSL ปรับแนวโน้มเป็น “Stable" จาก “Negative"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 31, 2017 16:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) ที่ระดับ “BBB-" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ “BB+"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงลักษณะที่มีความผันผวนสูงของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง (Dry-bulk Shipping) ตลอดจนผลงานที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกอง และความสามารถในการบริหารธุรกิจในช่วงที่อุตสาหกรรมอยู่ในภาวะตกต่ำอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Stable" หรือ “คงที่" จาก “Negative" หรือ “ลบ" ด้วย

ทั้งนี้ การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงภาวะตลาดขนส่งสินค้าแห้งเทกองที่ปรับตัวดีขึ้นอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานที่ดีขึ้น

PSL ก่อตั้งขึ้นในปี 2532 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 บริษัทเป็นเจ้าของและประกอบธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองแบบไม่ประจำเส้นทาง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทประกอบด้วยนางสาวนิชิต้า ชาห์ และกลุ่ม ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้น 44.41% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และนายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 8.43%

ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2560 บริษัทมีเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจำนวนทั้งสิ้น 36 ลำ ด้วยระวางบรรทุกรวมขนาด 1.59 ล้านเดทเวทตัน (Deadweight Tonnage-DWT) ประกอบด้วยเรือขนาดเล็กแบบ Handysize 15 ลำ เรือขนส่งปูนซีเมนต์ 4 ลำ เรือขนาด Supramax 9 ลำ และเรือขนาด Ultramax 8 ลำ โดยอายุเฉลี่ยของกองเรืออยู่ที่ 5.28 ปี

ความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทเกิดจากลักษณะของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองที่มีความผันผวนสูง ในช่วงที่ผ่านมา อุตสาหกรรมได้เผชิญกับภาวะตกต่ำที่ยาวนานซึ่งกินเวลามากกว่า 5 ปี ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index--BDI) ที่ใช้เป็นดัชนีอ้างอิงค่าระวางเรือ (Time Charter Rate-TC) ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ค่าเฉลี่ย 673 จุดในปี 2559 อย่างไรก็ตาม ภาวะอุตสาหกรรมค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 จากผลของทั้งอุปสงค์ที่เติบโตขึ้นและความกดดันด้านอุปทานที่ลดลง โดยดัชนี BDI มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 975 จุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2560

ทริสเรทติ้งคาดว่าอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจะอยู่ในภาวะฟื้นตัวในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากภาวะอุปทานส่วนเกินที่คลี่คลายความกดดันลง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากอัตราการปลดระวางเรือเก่าในระดับสูงกับการส่งมอบเรือที่สั่งต่อไว้ไม่เป็นไปตามแผนในภาวะที่อุตสาหกรรมเผชิญกับความยากลำบาก นอกจากนี้ ประเด็นเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ทางด้านสิ่งแวดล้อมเรื่องการจัดการน้ำถ่วงเรือและการจำกัดปริมาณค่ากำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2562-2563 ก็จะส่งผลเร่งให้มีการปลดระวางเรือมากยิ่งขึ้นสำหรับเรือเก่าและเรือที่ไม่คุ้มค่าในเชิงธุรกิจ อีกทั้งยังมีผลทำให้เกิดการชะลอการสั่งต่อเรือใหม่เนื่องจากความไม่แน่นอนในเรื่องการออกแบบติดตั้งระบบเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ต่าง ๆ

ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ตามภาวะอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น ค่าระวางเรือเฉลี่ยของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น 37.4% จาก 6,476 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำเรือในปี 2559 มาอยู่ที่ 8,899 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำเรือในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือลดลง 5.5% จากระดับเฉลี่ยที่ 4,503 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำเรือในปี 2559 มาอยู่ที่ 4,265 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำเรือในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 จากความสามารถในการบริหารต้นทุนของบริษัทและการที่บริษัทขายเรือเก่าออกไป ค่าระวางเรือที่ปรับตัวดีขึ้น และการบริหารต้นทุนที่ดีส่งผลให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 23.1% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 42.2% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560

และบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 11.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะ 2 ปีที่ผ่านมาจากการรับเรือที่สั่งต่อไว้ รวมถึงรายได้จากการดำเนินงานที่อ่อนแอลง และการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงที่ตลาดมีปัญหา ณ เดือนมิถุนายน 2560 บริษัทมีภาระหนี้รวม 523.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 57.98%

ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดหมายว่าค่าระวางเรือเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 8,500-9,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำเรือในปี 2560-2562 ภายใต้สมมติฐานว่าอุตสาหกรรมจะอยู่ในภาวะฟื้นตัว ทริสเรทติ้งยังคาดหมายว่าในช่วงดังกล่าวอัตรากำไรของบริษัทจะอยู่ในระดับสูงกว่า 38% ซึ่งเป็นผลจากการลดต้นทุนการดำเนินงานและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการมีกองเรือที่มีอายุน้อย และเรายังคาดหมายว่าบริษัทจะไม่มีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในระดับสูงในขณะนั้นโดยเฉพาะการซื้อเรือใหม่ นอกจากนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมยังอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัว ทริสเรทติ้งจึงคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาระดับสภาพคล่องให้เพียงพอเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย

ในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอสำหรับภาระหนี้ โดยบริษัทมีหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนอีกประมาณ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนแหล่งเงินทุนของบริษัทนั้นคาดว่าจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานอย่างน้อยปีละ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอีก 89 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เดือนมิถุนายน 2560

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงภาวะอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองที่ปรับตัวดีขึ้นและความคาดหมายว่าบริษัทจะมีการบริหารจัดการด้านการเงินที่ดีต่อไป โดยเฉพาะการรักษาระดับสภาพคล่องให้เพียงพอเพื่อรองรับภาวะที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงในกรณีที่ภาวะอุตสาหกรรมไม่เอื้ออำนวยหรือฐานะการเงินของบริษัทอ่อนตัวลงทั้งจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงหรือภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากภาวะตลาดเอื้ออำนวย โดยบริษัทมีผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดอย่างต่อเนื่องในขณะที่บริษัทยังคงรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อเงินทุนจากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับต่ำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ