PTTEP คาดตัดสินใจขั้นสุดท้ายลงทุนโครงการแหล่งก๊าซฯเซ้าท์เวสต์เวียดนามในปีหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 11, 2017 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า การผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการเซาท์เวสต์เวียดนาม หรือโครงการบล๊อก B ในเวียดนามที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนราว 7-8% นั้น น่าจะสามารถตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision :FID) ได้ในปี 61 หลังจากล่าสุดผู้ร่วมทุนโครงการดังกล่าวได้ร่วมลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับราคาก๊าซฯและราคาค่าผ่านท่อก๊าซฯ (Letter of Agreement: LOI) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

"โครงการร่วมทุนในเวียดนาม เรามี 3 โครงการ โดย 2 โครงการแรกเป็นการผลิตน้ำมันซึ่งได้ดำเนินการแล้ว ส่วนโครงการนี้เป็นแหล่งก๊าซฯ เราเข้าไปลงทุนนานพอสมควร ตอนนี้มีการค้นพบปริมาณสำรองและมีความพยายามเจรจาจะซื้อจะขายก๊าซฯระหว่างผู้ผลิต ณ วันนี้การเจรจาราคาก๊าซฯที่จะซื้อจะขาย และค่าผ่านท่อแล้ว เพื่อนำมาขึ้นฝั่งใช้ในการผลิตไฟฟ้า ก็ได้มีการลงนาม LOI เพื่อเตรียมสรุปเป็นสัญญาซื้อขายก๊าซฯในโอกาสต่อไป"นายสมพร กล่าว

สำหรับโครงการแหล่งก๊าซฯในเวียดนาม บี ประกอบด้วย แปลง 48/95 ซึ่งมีบริษัท ปิโตรเวียดนาม (PVN) เป็นผู้ถือหุ้น 42.38% และเป็นผู้ดำเนินการ(operator), บริษัท มิตซุย ออยล์ เอ็กซ์พลอเรชั่นจำกัด (MOECO) ถือหุ้น 25.62% ,บริษัท ปิโตรเวียดนาม เอ็กซ์พลอเรชั่น โปรดัคชั่น คอร์ปอเรชั่น (PVEP) ถือหุ้น 23.50% และ PTTEP ถือหุ้น 8.50% ขณะที่แปลง 52/97 มี PVN ถือหุ้น 43.4% และเป็นผู้ดำเนินการ ,PVEP ถือหุ้น 30% ,MOECO ถือหุ้น 19.6% และ PTTEP ถือหุ้น 7%

นายสมพร กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการประมูลสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่จะหมดอายุในปี 65-66 นั้น บริษัทยืนยันที่จะเสนอทั้ง 2 แปลง คือเอราวัณ และบงกช โดยในขั้นตอนแรกจะเป็นการเจรจากับพันธมิตรที่ร่วมทุนเพื่อเข้าร่วมประมูลในแต่ละโครงการ แต่หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลเพียงรายเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดของการเจรจาและการยื่นข้อเสนอได้ โดยยังต้องรอเอกสารเชิญชวนประมูล (TOR) ที่จะออกมาก่อน

"แปลงบงกชที่เราเป็น operator ก็คุยกับพันธมิตรรายเดิม ส่วนแปลงเอราวัณ ก็คุยกับพันธมิตรปัจจุบัน ถ้า term condition ตกลงกันได้ในทุก party เราก็ร่วม Bid ซึ่งในส่วนนี้เราจะขอเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นจากเดิมที่มีอยู่ 3-5% ซึ่งน้อยเกินไป แต่ถ้าพิจารณาแล้วตกลงไม่ได้เราก็คงต้องพิจารณา Bid เอง"นายสมพร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ