(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ยังมีโมเมนตัมเป็นบวก แต่อาจแกว่งมากขึ้นหลังหุ้นหลายตัวเข้าเขตซื้อมากเกินไป

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 19, 2017 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโมเมนตัมเป็นบวก แต่อาจแกว่งตัวมากขึ้นหลังจากขึ้นทดสอบแนว 1,675 จุด และหุ้นหลายตัวเข้าเขตซื้อมากเกินไป อีกทั้งหุ้นหลายตัวก็ได้ทดสอบแนวต้านด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้บวกมากกว่า 1% เนื่องจากยัง Laggard เมื่อเทียบกับตลาดอื่น ขณะที่ตลาดอื่นเช้านี้บวก 0.1-0.2% พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ โดยมีประเด็นน่าติดตามคือการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ

ส่วนบ้านเราก็จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยก็คาดว่าจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนบางส่วนอาจชิงขายทำกำไรก่อนจากความกังวลอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่หากผลประชุมออกมาจริงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้นักลงทุนกลับเข้าไปซื้อคืนได้

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,660-1,675 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,331.35 จุด เพิ่มขึ้น 63.01 จุด (+0.28%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,454.64 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด (+0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,503.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด (+0.15%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 218.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 40.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 21.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.02 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.67 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ย.60) 1,670.20 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด (+0.58%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,010.52 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.ย.60) ปิดทรงตัวที่ระดับ 49.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ย.60) ที่ 8.84 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.08 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง นลท.จับตาการประชุมเฟดวันแรก
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การตัดสินใจปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เป็นหลัก ซึ่งการทำนโยบายการเงินก็เหมือนเหรียญสองด้านเสมอต้องดูให้รอบคอบ และต้องให้สมดุลทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือกับกระทรวงการคลัง ตลอดจนภาคธุรกิจ
  • ศาลล้มละลายกลางได้รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ไว้พิจารณา หลังจากนัดไต่สวน และนำคดีเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยแล้ว เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหนี้ทั้ง 7 ราย ที่ยื่นคัดค้านในครั้งแรกยินยอมถอนคำคัดค้าน ส่งผลให้ศาลได้นัดฟัง คำสั่งในวันที่ 21 ก.ย.นี้
  • ตลาดหลักทรัพย์เร่งหาแนวทางเชื่อมโยงตลาดหุ้นต่างประเทศ เริ่มกลุ่มซีแอลเอ็มวี รับอุปสรรคสำคัญ ขนาดตลาดต่างกัน คาดสรุปแผนชัดเจนปีหน้า แจงอยู่ระหว่างการดึงอินฟราฟันด์ ของลาวเข้าระดมทุน ด้านสมาคมนักวิเคราะห์ ประเมินเชื่อมโยงทำได้ยาก มองการนำเข้าระดมทุนตลาดหุ้นไทยทำได้ดีกว่า
  • สมาคมนักวิเคราะห์ ฟันธงตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงไม่ใช่ภาวะฟองสบู่ แต่เกิดจากต่างชาติกลับมาลุยซื้อ หลังมองทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนปีหน้าจะเติบโตได้ดี อานิสงส์การเมืองไทยเริ่มมีความสงบ ขณะที่ราคาหุ้นไทยยังปรับขึ้นไม่มาก ทั้งปีขึ้นแค่ 2-3% ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้น 15%
  • ธ.ก.ส.เตรียมชง ครม.ไฟเขียว 2 มาตรการช่วยเหลือชาวนาวงเงิน 7 หมื่นล้านบาท เดือน ต.ค.นี้ ทั้งสินเชื่อรวบรวมและแปรรูปผลผลิตและเงินช่วยค่าเก็บเกี่ยว พร้อมเดินหน้าขจัดหนี้นอกระบบเกษตรกรให้เป็นศูนย์เผยเตรียมวงเงิน 5 พันล้านบาท ให้กู้ฉุกเฉินป้องกันก่อหนี้นอกระบบซ้ำอีก

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CENTEL (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 48 บาท คาดผลการดำเนินงานจะพลิกฟื้นตั้งแต่ 2H60 เร็วกว่าที่คาดไว้ โดยคาดว่าจะเติบโต 24.5% y-y จาก 6.3% y-y ใน 1H60 และการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงแรม จะหนุนกำไรหลัง 2H60 นอกจากนี้ แม้ว่าธุรกิจอาหารจะยังคงมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ติดลบ แต่คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้วยคาดว่า GDP จะขยายตัว 3.9-4.5% ในปี 2561-2562 จะทำให้ธุรกิจอาหารของ CENTEL ฟื้นตัว พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 2560-2562 ขึ้น 10-14% อีกทั้งชอบแบรนด์เซ็นทาราด้วยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และมีตำแหน่งทางการตลาดในกลุ่มโรงแรม 4 ดาว ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่นของไทย
  • FTE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 4.30 บาท ราคาหุ้นอ่อนตัวสวนทางคาดการณ์กำไร 3Q60 ที่มีแนวโน้มทำ All Time High โดยคาด +17% Q-Q, +36% Y-Y อยู่ที่ 32 ล้านบาท จากทั้งยอดขายอปุกรณ์ดับเพลิงที่กลับมาโตเป็นไตรมาสแรกในรอบปี และการรับรู้งานโครงการที่มีงานในมือหลัง 2Q60 ราว 277 ล้านบาท รวมถึงอัตรากำไรที่ขยายตัวต่อเนื่องตามการแข็งค่าของเงินบาท ส่วนกำไรทั้งปีนี้คาด +31% Y-Y และ +14% Y-Y ในปีหน้า ตามแรงหนุนของตลาดบ้านและคอนโดฯที่ฟื้น และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯที่เริ่มขยับ ราคาปัจจุบันยังถูก แถมฐานะทางการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash
  • PTTGC (ไอร่า) เป้า 82 บาท คาดผลการดำเนินงานของ PTTGC จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในช่วง 3Q/60 จากการกลับมาผลิตเต็มกำลังของหลายโรงงาน หลังหยุดซ่อมบำรุงจำนวนมากเมื่อช่วง 2Q/60 ขณะที่การเข้าซื้อหุ้นและรับโอนสิทธิบริษัทที่ประกอบธุรกิจปิโตรเคมีจาก ปตท. เสร็จสิ้นแล้วเมื่อ 3 ก.ค.60 คาดสามารถรับรู้ผลกำไรได้ตั้งแต่ช่วง 3Q/60 เป็นต้นไป โดยการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้จะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจของ PTTGC มีความสมบูรณ์และครบวงจรมากขึ้น เบื้องต้นคาด PTTGC จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จำนวนประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมคาดผลดำเนินงานในปี 60 จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการปิโตรเคมีที่เป็นเดิมของ PTT โดยคาดกำไรสุทธิ 30,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ