หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นขยับขึ้นทั่วหน้า โดยเมื่อเวลา 11.04 น.หุ้น TOP บวก 3.96% มาอยู่ที่ 98.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 498.50 ล้านบาท
หุ้น SPRC บวก 2.29% มาอยู่ที่ 17.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 176.69 ล้านบาท
หุ้น PTTGC บวก 1.56% มาอยู่ที่ 81.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูบค่าซื้อขาย 689.98 ล้านบาท
หุ้น BCP บวก 1.20% มาอยู่ที่ 42.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 182.83 ล้านบาท
หุ้น IRPC บวก 0.79% มาอยู่ที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 167.07 ล้านบาท
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มโรงกลั่นได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นในไตรมาส 3/60 ที่ปรับตัวขึ้น 20-22% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ระดับ 9-11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามส่วนต่างน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวขึ้น 21% และส่วนต่างน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 13% เนื่องจากผลกระทบของพายุฮาร์วีย์ที่พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐในเดือนส.ค.-ก.ย.
โดยคาดมีกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 11% นับแต่ต้นไตรมาส สู่ระดับ 51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งของสหรัฐได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง หลังจากที่ต้องปิดดำเนินการเนื่องจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน นอกจากนี้มีคาดการณ์ว่าซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียจะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีหน้าเป็นตัวหนุนราคาน้ำมันเพิ่มเติม
ทั้งนี้ เห็นว่าค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้นได้รับแรงหนุนหลักจากส่วนต่างน้ำมันอากาศยานและดีเซลที่ปรับตัวขึ้น +21% จากต้นไตรมาส ซึ่ง PTTGC IRPC และ BCP ได้ประโยชน์สูงสุดตามลำดับ เนื่องจากมีสัดส่วนน้ำมันดีเซลและอากาศยานรวม 63-69% สูงกว่า TOP และ SPRC ที่มีอยู่เพียง 41-58%
ด้านบล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า ค่าการกลั่น ดีดกลับแรง มาอยู่ที่ 7.90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในวันนี้ จากเมื่อวานที่ 6.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดกลับมาบวกต่อธุรกิจโรงกลั่บมจ.ไทยออยล์ (TOP), บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC), บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC), บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC), บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP), บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO