บลจ.กสิกรไทย ออกกองทุนตราสารหนี้ 3 ปี เน้นลงทุนหุ้นกู้เอกชน เสนอขาย 10-16 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 10, 2017 12:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย เสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 ปี A (KFI3YA) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 2.50% ต่อปี โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ และกองทุนมีอายุโครงการประมาณ 3 ปี เหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ยาวขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยเสนอขายกองทุนระหว่างวันที่ 10-16 ต.ค.นี้

กองทุน KFI3YA จะเน้นการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทในประเทศไทย และบางส่วนจะลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทในต่างประเทศ โดยเบื้องต้นจะลงทุนในหุ้นกู้บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (PL) , หุ้นกู้บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) และหุ้นกู้บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A-

นอกจากนี้ยังลงทุนในหุ้นกู้บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH), หุ้นกู้บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) และหุ้นกู้บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ BBB+, BBB และ BBB ตามลำดับ ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะมีการจ่ายผลตอบแทนโดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุก ๆ 6 เดือน

ด้านมุมมองตลาดตราสารหนี้ นายชัชชัย กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะยังทรงตัวต่อเนื่องที่ 1.5% ต่อไปถึงกลางปีหน้า เพื่อประคองการเติบโตของเศรษฐกิจให้มีความมั่นคงมากขึ้นภายใต้สภาวะที่เงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำ ประกอบกับดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลในระดับสูงต่อเนื่อง ยังคงเอื้อต่อการใช้นโยบายการเงินการคลังแบบผ่อนคลายได้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ในขณะที่นโยบายการเงินของสหรัฐฯมีแนวโน้มตึงตัวขึ้น จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญณาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในช่วงสิ้นปีนี้ รวมถึงจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยในปี 61 ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ ความกังวัลว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจจะไม่สามารถดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้ได้ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ อาจส่งผลทำให้ราคาตราสารหนี้มีความผันผวนในระยะสั้น บลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว และสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงต่ำ อาจเลือกล็อกผลตอบแทนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่มีกำหนดระยะเวลาลงทุนยาวนานขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

นอกเหนือจากกองทุน KFI3YA ดังกล่าวแล้ว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะเวลา 6 เดือน - 1 ปี ในระหว่างวันที่ 10-16 ต.ค. บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี DR (KFF1YDR) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.35% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน EB (KFF6MEB) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.15% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

สำหรับกองทุน KFF1YDR ที่มีอายุโครงการ 1 ปี เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation และบัตรเงินฝาก ICBC Ltd. นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Union National Bank และเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้านกองทุน KFF6MEB ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Union National Bank และเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในหุ้นกู้ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP), ประเทศไทย

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ