(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ขานรับน้ำมันขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน,เก็งกำไรงบฯบจ.Q3/60

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 6, 2017 09:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์หลังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น โดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อวันศุกร์ ก็น่าจะช่วยให้มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะในกลุ่มต้นน้ำทั้ง PTTEP และ PTT เข้ามา ขณะที่ยังต้องติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของบจ.ไทยที่จะทยอยออกมาจนถึงสัปดาห์หน้า ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ต่อไป

ด้านปัจจัยต่างประเทศยังคงทรงตัว หลังจากที่ตลาดรับรู้เรื่องประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ และแผนปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ของสหรัฐฯไปแล้ว โดยในช่วงนี้คงมีเพียงการประกาศผลประกอบการของบจ.ในต่างประเทศที่มีออกมา ซึ่งหากออกมาดีก็จะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวขึ้น ขณะที่ยังต้องจับตาการ Rebalance ของดัชนี MSCI ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักการลงทุนของประเทศอย่างไร รวมถึงจำนวนหุ้นที่จะเข้าและออกอย่างไร โดย MSCI จะประกาศออกมาในวันที่ 14 พ.ย.ตามเวลาไทย

นายกิติชาญ เห็นว่าแม้ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยอาจจะถูกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่เลือกขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ปรับตัวลงมากนักเพราะยังมีแรงซื้อจากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาในช่วงปลายปีอย่างต่อเนื่อง

พร้อมให้แนวรับ 1,697 และ 1,687 จุด ส่วนแนวต้าน 1,707 และ 1,715 จุด

ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปได้ เป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาเป็นบวก ขณะที่คาดแรงขายจากต่างชาติน่าจะลดลง ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามา โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือการที่รัฐบาลไทยจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้

ส่วนการซื้อขายในตลาดภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เช้านี้เป็นบวกเล็กน้อย และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยที่ 1,690-1,725 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,539.19 จุด เพิ่มขึ้น 22.93 จุด (+0.10%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,587.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.99 จุด (+0.31%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,764.44 จุด เพิ่มขึ้น 49.49 จุด (+0.74%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 73.84 จุด ,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 12.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 55.79 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.68 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.95 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.32 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 16.92 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 พ.ย.60) 1,701.47 จุด ลดลง 0.46 จุด (-0.03%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,313.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 พ.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 55.64 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 พ.ย.60) ที่ 7.19 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.18 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็งค่า ตลาดจับตาประชุมกนง.กลางสัปดาห์นี้
  • คลังจับตาเศรษฐกิจฐานราก"ทรงตัว"สวนทางภาพใหญ่ฟื้น สั่ง สศค.หามาตรการกระตุ้นเพิ่ม มุ่งลงทุนระดับท้องถิ่น จี้แก้ไขอุปสรรคใช้งบประมาณ คาดแล้วเสร็จใน 2 สัปดาห์ "ออมสิน"เผยดัชนีเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากขยับ อานิสงส์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหนุน ด้านนักเศรษฐศาสตร์-ภาคเอกชนระบุธุรกิจปรับตัวดีขึ้น หวังปีหน้ากำลังซื้อขยายตัวชัดเจน
  • คณะกรรมการอีอีซีรับเอกชนชะลอลงทุน เพราะรอความชัดเจนกฎหมาย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)เผย 10 เดือนแรกปีนี้ ยอดขอรง.4 ในพื้นที่ภาคตะวันออกวูบ 9%
  • อานิสงส์เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ดันผลงานจัดเก็บรายได้"สรรพากร"เดือนแรกปีงบ 2561 ทะยานแตะ 1 แสนล้านบาท เกินเป้าหมาย 700 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีรีดภาษีไม่พลาดเป้าหมายที่ 1.9 ล้านล้านบาท
  • ส.อ.ท.อยู่ระหว่างประสานงานนำนักลงทุนสมาชิกเดินทางไปติดต่อเจรจาร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติที่มีเทคโนโลยีสูงให้เข้ามาลงทุนในไทยโดยตรง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติจากเยอรมนี เม็กซิโก ฝรั่งเศส ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อิสราเอล ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน เพื่อให้การลงทุนของภาคเอกชนมีความคืบหน้า ชัดเจนโดยเร็ว แม้ว่าที่ผ่านมาภาครัฐจะออกเดินสายโรดโชว์ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เพื่อเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายแล้วก็ตาม
  • แหล่งข่าวจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า การประชุมเมื่อวันที่ 31 ต.ค.เห็นชอบหลักการแนวทางการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายและร่างระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องประมาณ 5 ประเด็นเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้ทันกำหนดลอยตัวราคาน้ำตาลทราย 1 ธ.ค.นี้ ซึ่งได้หารือกับทุกภาคส่วนแล้ว โดยการคำนวณราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานจะอ้างอิงราคาน้ำตาลทรายขาวตลาดลอนดอนนัมเบอร์ไฟว์บวกราคาไทยพรีเมียม ซึ่งพิจารณาราคาเฉลี่ยเป็นรายเดือน เบื้องต้นคาดว่าการลอยตัวจะส่งผลให้ราคาขายปลีกลดลง 2-3 บาท/กิโลกรัม (กก.)
  • อธิบดีกรมสรรพากร ยอมรับเตรียมนำมาตรการช็อปช่วยชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเร็วๆนี้ หักค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สุงสุด 15,000 บาท ด้านภาคเอกชนหลายรายมองว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดี และหลายหน่วยงานปรับเป้าหมายจีดีพีของไทยปีนี้สูงขึ้น ทำให้หลายฝ่ายมองว่าอาจไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงปลายปีเป็นปีที่ 3
*หุ้นเด่นวันนี้
  • NOK หลังหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,135,999,882 หุ้น จะเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันนี้ (6 พ.ย.) หลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ตั้งแต่วันที่ 16-20 ต.ค.60 ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.50 บาท
  • IRPC (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 7 บาท/หุ้น หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ออกมามีกำไรสุทธิ 3,248 ล้านบาท +164% qoq , +149% yoy ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยปริมาณการกลั่นที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.01 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มจากไตรมาส 2 และค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3 ขณะที่ Product to Feed Margin ดีขึ้น 2.5% จากSpread PP-Naphtha และ กลุ่ม Styrenics ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 อ่อนตัวเล็กน้อย จากค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลง และ Spread กลุ่มปิโตรเคมีที่แคบลง แต่ยังได้แรงหนุนจากกำลังการกลั่นและการผลิตปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4
  • INTUCH (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 62 บาท/หุ้น จากส่วนใหญ่ของกำไรมาจาก ADVANC จึงมีกำไรฟื้นตัวดี เติบโต 10%y-y และ 2%q-q ตามคาด ปัจจัยหนุนการเติบโต ได้แก่ ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC สูงขึ้น และภาษีจ่ายที่ลดลง ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 16%y-y และ 3%q-q อัตราภาษีอยู่ที่ 2.4% เทียบกับ 2.2% ใน Q2/60 และ 3.4% ใน Q3/59 ด้านกำไรจาก THCOM ยังคงอ่อนแอ เนื่องจากรายได้จากไทยคม 4 ในออสเตรเลียและไทยที่ลดลง ตามการชะลอตัวลงของอุตสาหกรรม broadcasting ซึ่งทำให้ utilization rate ลดลง ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นและต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ โดยส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC จะยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่การดำเนินงานของ THCOM ยังคงต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นตัว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ