กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ เผยโรงไฟฟ้า SPP แห่งใหม่ใน จ.ระยอง 129.9 MW เริ่ม COD ใน พ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 6, 2017 15:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟล์ลิ่ง) เพิ่มเติมให้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่ออัพเดตความคืบหน้าการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.60 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าตาสิทธิ์ 3 (GTS3) ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ขนาดกำลังการผลิต 129.9 เมกะวัตต์ (MW) เริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ตามกำหนด และเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมแล้ว

โครงการโรงไฟฟ้า GTS3 ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.58 ก่อสร้างแล้วเสร็จวันที่ 31 ต.ค.60 และสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ตามสัญญาให้แก่กฟผ. จำนวน 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.60 นอกจากนี้ยังได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 32.8 เมกะวัตต์ และไอน้ำจำนวน 25.0 ตัน/ชั่วโมง

ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ใช้ระบบโคเจนเนอรเรชั่น (Cogeneration) ซึ่งประกอบด้วยเครื่องกังหันก๊าซ (Gas Turbine) ขนาดกำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องกังหันไอน้ำ (Steam Turbine) ขนาดกำลังการผลิต 37.0 แมกะวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งอยู่ที่ 129.9 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้งอยู่ที่ 25.0 ตัน/ชั่วโมง

ความสำเร็จในครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์แล้ว 13 โครงการ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์แล้วเช่นกันอีก 4 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งสิ้น 4,772.1 เมกะวัตต์

“เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและจะทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์อีกหลายโครงการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมชั้นนำที่ให้ความไว้วางใจ GULF เป็นอย่างดี ด้วยระบบไฟฟ้าที่มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับการขยายตัวของเขตพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ GULF สามารถเติบโตและเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบัน"นางพรทิพา กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ