(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นต่อเนื่องหลังยืนเหนือ 1,700 เป็นบวกต่อจิตวิทยา-เก็ง MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 29, 2017 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1,700 จุด เป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิเมื่อวานนี้ รวมไปถึงพรุ่งนี้ MSCI จะมีการปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย โดยหุ้นที่จะเข้าในการคำนวนของ MSCI จะมีหุ้น ORI, GGC, WHAUP, VNT ซึ่งน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ แม้ว่าเช้านี้เกาหลีเหนือจะยิงขีปนาวุธ แต่ตลาดในภูมิภาคก็ไม่ตอบรับมากนัก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ต่างก็ยืนในแดนบวกได้ พร้อมให้ติดตามการโหวตเสียงของวุฒิสภาสหรัฐฯที่มีต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และการประชุมกลุ่มโอเปกที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.)

พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,710-1,715 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,836.71 จุด พุ่งขึ้น 255.93 จุด (+1.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,627.04 จุด เพิ่มขึ้น 25.62 จุด (+0.98%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,912.36 จุด เพิ่มขึ้น 33.84 จุด (+0.49%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 133.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 28.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.07 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 127.72 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 19.81 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 พ.ย.60) 1,706.52 จุด เพิ่มขึ้น 10.85 จุด (+0.64%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 212.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 พ.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 57.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 พ.ย.60) ที่ 7.56 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.57 แนวโน้มอ่อนค่า ขานรับร่างกม.ปฏิรูปภาษีสหรัฐฯใกล้ได้ข้อสรุป มองกรอบวันนี้ 32.55-32.65
  • ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการโอนหนี้สินและทรัพย์สินวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวกรณีให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อบริหารการเดินรถ โดยบอร์ดมีข้อคิดเห็นว่าเพื่อให้การเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นไปตามเป้าหมายภายในปี 2561 รฟม.ต้องมีแผนสำรอง ซึ่งเบื้องต้นได้เตรียมแผนการจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอส เพราะเป็นผู้เดินรถรายเดิมอยู่แล้ว
  • คณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการด้านการเงินสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ 1.โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ 2.5 หมื่นล้านบาท นับแต่ดำเนินโครงการจนถึงวันที่ 9 พ.ย.60 ได้มีผู้ประกอบการใช้สินเชื่อ 3,748 ราย วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 70.92% ของวงเงินทั้งหมด ซึ่งโครงการนี้จะสิ้นสุดในสิ้นปี 60 นี้ แต่ยังมีวงเงินเหลืออยู่ 7,271 ล้านบาท ครม.จึงอนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีก 3 ปี ถึงสิ้นปี 63 โดยธนาคารออมสินจะให้สินเชื่อแก่ธนาคารพาณิชย์คิดดอกเบี้ยที่ 0.01% ส่วนสถาบันการเงินอื่นคิดดอกเบี้ยจากผู้ประกอบการ 3.5% โดยรัฐบาลชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับผลตอบแทนให้ธนาคารออมสินที่ 2.27%
  • ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เตรียมเข้าหารือกับเลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ เพื่อที่จะหามาตรการส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าระดมทุนในตลาดเอ็มเอไอ หลังจาก BOI ออกมาตรการส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีโดยได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มอีก 100%
  • กกพ.เดินหน้าทำโครงสร้างค่าไฟใหม่คาดเสร็จเริ่มใช้งวด ก.ย.-ธ.ค.61 ชี้อนาคตถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่จะลดลง แต่พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ยังส่งผลต้นทุนค่าไฟสูง จ่อเสนอ 4 แนวทางปฏิรูปพลังงานให้ประชาชนเลือกที่ตั้งโรงไฟฟ้า เน้นจัดสรรค่าภาคหลวงสู่ชุมชนให้สูงสุด พร้อมเปิดเผยด้านการเงินอย่างโปร่งใส
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยปี 61 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ 100,000-108,000 หน่วย ขยายตัว 0-2% จากปี 60 ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ทิศทางการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยยังรุนแรง เพราะการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้างยังเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ประกอบการตั้งเป้าหมายการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างระมัดระวัง

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 18.30 บาท ในฐานะ Top Pick ของกลุ่ม โดยคาดกำไร Q4/60 ยังมีโมเมนตัมที่ดีจากฤดูฝนที่ลากยาว และฐานต่ำในปีก่อน ส่วน WMC ยังมีการเติบโตแข็งแกร่ง และปี 2561 จะได้อานิสงส์เต็มปีจากประกันสังคมซึ่ง BCH เป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยคาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 โตเฉลี่ย 16% ต่อปี
  • PTTEP (กสิกรไทย) หุ้น Laggard ในกลุ่มพลังงาน มีประเด็นบวกจากราคาน้ำมันที่กำลังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง รวมไปถึงเงินบาทที่แข็งค่าจะทำให้มีกำไรทางบัญชีเพิ่มมากขึ้นจาก Deferred Tax นอกจากนั้นยังมีประเด็นการเก็งผลประกอบการในงวด Q3/60 เบื้องต้นคาดว่าจะมีผลประกอบการทรงตัว QoQ แต่จะดีขึ้น YoY
  • SCC (กสิกรไทย) แม้ผลประกอบการงวด Q3/60 จะน่าผิดหวังจากการรับรู้รายได้เงินปันผลที่น้อยลง แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 60 ที่ 5.97 หมื่นล้านบาท เพราะคาดว่าในไตรมาส 4/60 รายได้เงินปันผลจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบัน SCC ซื้อขายที่ PER 11.3 เท่าสำหรับปี 2561 เทียบค่าเฉลี่ยบริษัทโรงกลั่นปิโตรเคมี 5 บริษัทที่วิเคราะห์อยู่ที่ 10.9 เท่า ยังถือว่า Laggard ค่อนข้างมาก
  • WORK (หยวนต้า) "ซื้อเก็งกำไร"ด้วย 3 เหตุผล 1) แม้ว่า Q4/60 อาจพลิกกลับมาขาดทุนสุทธิ จากผลฤดูกาล และการงดออกอากาศเนื่องด้วยงานพระราชพิธีฯ แต่ขาดทุนน้อยกว่าปีก่อนหน้ามาก 2) เชื่อยังรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ 3 ได้ ปี 61 บริษัทปรับผังรายการใหม่เพื่อเพิ่มเรทติ้ง ขณะที่เรทโฆษณาต่อเรทติ้ง หรือ CPRP ยังต่ำกว่าคู่แข่งกว่า 40% จึงมีโอกาสปรับค่าโฆษณาได้ มองกำไรสุทธิ 2 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย 30% และ 3) ราคาหุ้นซื้อขายที่ PEG61 เพียง 0.69 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.5 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ