หุ้น IVL และ TU ราคาขยับขึ้น โดยเมื่อเวลา 16.03 น.หุ้น IVL บวก 1.53% มาอยู่ที่ 49.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 730.21 ล้านบาท
หุ้น TU บวก 3.83% มาอยู่ที่ 19 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 539.06 ล้านบาท
ขณะที่ดัชนี SET อยู่ที่ 1,698.96 จุด ลดลง 0.69 จุด (-0.04%)
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นบมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) และบมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) วันนี้ขยับขึ้นได้ดีกว่าตลาดฯ เนื่องจากเป็นสองบริษัทที่มีบริษัทย่อยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะได้ประโยชน์จากแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯหากมีการนำเอาออกมาใช้ โดยภาษีนิติบุคคลในสหรัฐฯจะลดจาก 35% มาเหลือ 20%
ทั้งนี้ เมื่อบริษัทย่อยได้ประโยชน์จากภาษี ก็จะส่งผลกำไรของบริษัทแม่ไปด้วย โดยคาดการณ์ว่า TU กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 3-4% ส่วน IVL คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 4.5%
ส่วนบล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น IVL ให้ราคาเป้าหมาย 55 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์มากสุดหากสหรัฐฯใช้แผนปฏิรูปภาษีใหม่ โดยคาดการณ์กำไรปกติปีนี้จะเติบโต 41% จากการรับรู้รายได้เต็มปี ของ BP และ CEPSA ซึ่งซื้อกิจการเข้ามาในปี 2559 และยังมี Upside หากสหรัฐฯลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เนื่องจาก IVL มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) กว่า 30% มาจากธุรกิจในสหรัฐ โดยประเมินทุก 5% ที่สหรัฐฯลดภาษีจะเพิ่มกำไรต่อประมาณการณ์ประมาณ 2-3%
ทั้งนี้ ราคาหุ้น IVL เคยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60 บาทในปี 2553 โดยมี Capacity รวมเพียง 3 ล้านตัน/ปี แต่ปัจจุบัน IVL มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 10 ล้านตัน/ปี แต่ราคาหุ้นยังไม่ได้ขึ้นสะท้อนผลบวกดังกล่าว
ด้านบล.กสิกรไทย ระบุว่า TU ราคาถดถอยลงมาทำจุดต่ำแถว 17.7 และส่งสัญญาณพลิกตัว โดยทำจุดต่ำที่ยกตัวขึ้น ล่าสุดผ่านเส้นกดระยะสั้น และขึ้นยืนเหนือกลุ่มเส้นเฉลี่ย ด้วย Vol. ที่เพิ่มขึ้น ด้าน MACD ไต่ระดับขึ้นเหนือ signal line และกลับขึ้นยืนในแดนบวก สะท้อนโอกาสที่ราคาจะมีแรงไต่ระดับขึ้นได้ต่อ อาจเข้าเก็งกำไร โดยมีเป้าหมายรอทำกำไรอยู่แถว 19.5 และ 20.2 ขณะที่ใช้การถอยหลุด 18.4 stop loss