ดัชนีหุ้นไทยภาคเช้าร่วงลง 10 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับลดลง หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงเมื่อคืนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงาน และแบงก์ กดดันต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม
เมื่อเวลา 10.37 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,686.81 จุด ลดลง 10.80 จุด (-0.64%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.53 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,689.38 จุด ลดลง 8.23 จุด (-0.48%)
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ร่วงกว่า 10 จุด เป็นแรงกดดันที่มาจากภายนอกประเทศมากกว่า โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลง ทั้งนี้จากความไม่แน่นอนที่มาจากทางสหรัฐฯในหลายประเด็น ทั้งเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมกลางเดือนนี้ ซึ่งจะทำให้เงินไหลออก และยังเรื่องมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯที่เป็นแค่ปัจจัยบวกในระยะสั้น แต่เมื่อถึงปีหน้าก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เงินไหลออกอีก
อีกทั้งยังมีเรื่องของนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว ที่จะต้องจับตาความคืบหน้าเพราะมองเป็น Negative เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ยังคาดว่า เม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ยังน่าจะมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งน่าจะเข้ามาช่วยประคองการอ่อนตัวของตลาดฯได้บ้าง
พร้อมให้แนวรับ 1,680 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด