(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นต่อเนื่องรับ Sentiment บวกยืนเหนือ 1,700-คลายกังวลการเมืองสหรัฐฯ-น้ำมันรีบาวด์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 8, 2017 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง แนวเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.2-0.3% หลังคลายความกังวลการเมืองในสหรัฐฯ จากที่สภาคองเกรสได้ผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายไปอีก 2 สัปดาห์ ทำให้หน่วยงานรัฐบางแห่งไม่ต้องปิดทำการ

อนึ่ง สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติด้วยคะแนนเสียง 235-193 ให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ก่อนที่จะส่งต่อให้วุฒิสภาสหรัฐพิจารณา โดยผลปรากฏว่า วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 81-14 ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 22 ธ.ค. ทั้งนี้ การลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐฯ

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นด้วย ประกอบกับปัจจัยในประเทศก็คาดหวังเม็ดเงินจากองทุน LTF, RMF เข้ามาช่วยหนุนตลาดฯ รวมไปถึงดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1,700 จุด ได้ ทำให้เป็น Sentiment บวกให้กับตลาดฯ

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยที่จะต้องติดตามดูคือ ร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ที่ทางสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ได้อนุมัติแล้วจะมีการวมร่างกันอย่างไร ส่วนวันนี้ก็ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของจีน, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ

พร้อมให้แนวรับ 1,690 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705 ถัดไป 1,710-1,715 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,211.48 จุด เพิ่มขึ้น 70.57 จุด (+0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,636.98 จุด เพิ่มขึ้น 7.71 จุด (+0.29%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,812.84 จุด เพิ่มขึ้น 36.47 จุด (+0.54%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 129.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.11 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 50.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.25 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 96.82 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.28 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.57 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ธ.ค.60) 1,703.37 จุด เพิ่มขึ้น 8.98 จุด (+0.53%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,094.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 56.69ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ธ.ค.60) ที่ 7.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.64 อ่อนค่าจากดอลล์แข็งหลังสภาสหรัฐผ่านกม.ปฏิรูปภาษี-ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
  • สศช.แจงข้อมูลว่างงานเพิ่มสวนทางตัวเลขเศรษฐกิจโต เหตุปัญหาอุทกภัยภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมยังใช้กำลังผลิตเดิมเชื่อปี 61 ตัวเลขจ้างงานฟื้นสอดคล้องเศรษฐกิจขยายตัว เตือน "เอไอ-หุ่นยนต์" เริ่มมีบทบาทมากขึ้นทั้งใน-นอกภาคเกษตร แนะเร่งปรับทักษะแรงงานรับเทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัล
  • ที่ประชุมขับเคลื่อนเอสเอ็มอีสู่ยุค 4.0 ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และภาคเอกชน เตรียมออกมาตรการพิเศษ 10 โครงการ สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีศักยภาพ ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ทั้งมาตรการทางการเงินและมาตรการส่งเสริมที่ไม่ใช่การเงิน ซึ่งเป็นมาตรการพิเศษเป็นของขวัญปีใหม่ให้เอสเอ็มอี
  • นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า รายงานแนวโน้มการเติบโตแบบมีส่วนร่วมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในระยะยาว โดยธนาคารโลกได้สะท้อนว่าประเทศไทยอยู่ในระดับที่พ้นจากความยากจนมาแล้ว และกำลังก้าวสู่ความมั่งคั่งเหมือนประเทศมาเลเซีย
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยทิศทางตลาดเงินปี 2561 คาดว่ายังผันผวน ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อเนื่อง ได้แก่ ความคืบหน้าแผนการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยเดือนธันวาคมนี้ การเลือกตั้งในอิตาลีและเยอรมนี นโยบายของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดคนใหม่ ในไตรมาสแรก ส่วนไตรมาสสองติดตามครบวาระของประธานและรองประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) รวมถึงแผนการลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และการเลือกตั้งในสหรัฐและไทยช่วงปลายปีหน้า ดังนั้น ครึ่งปีแรกค่าบาทมีทิศทางแข็งค่า ตามทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและผลจากเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูง ทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้า

*หุ้นเด่นวันนี้

  • HUMAN (บมจ.ฮิวแมนิก้า) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยราคา IPO 4 บาท บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเหมาะสมปี 61 ที่ 5.80 บาท อิง PEG 1 เท่า คาดการณ์กำไรสุทธิปี 61-63 โตเฉลี่ย 35% ต่อปี จากฐานพนักงานที่รับช่วงดูแลเพิ่มขึ้นปีละ 50,000 คนเป็นอย่างน้อย การเพิ่มขนาดของรายได้ ส่งผลให้จะยิ่งเพิ่ม Gross Margin ให้ปรับสูงขึ้นเพราะการมี High Operating Leverage และคาดอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มเป็น 40% และ 26% ในปี 62 ใกล้เคียงกับบริษัทระดับโลก

บริษัทฯ ประกอบธุรกิจ HR Outsourcing ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยศักยภาพการเติบโตของความต้องการใช้ Outsourcing ขององค์กรยุคใหม่ ทำให้ HUMAN ยังเหลือช่องว่างในการเติบโตอีกมาก

  • RS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 27 บาท คาดกำไรสุทธิปี 61-62 โตโดดเด่นสุดในกลุ่มที่ 1.5 เท่าตัว Y-Y และ 46% Y-Y ตามลำดับ จากความสามารถปรับขึ้นค่าโฆษณา 25% ตามเรทติ้งสูงขึ้น โดยเฉพาะซีรีย์อินเดีย, รายการข่าวเช้า, และรายการกีฬา ขณะที่ธุรกิจ Health & Beauty มีอัตรากำไรสุทธิสูง 20-30% ยังโตแข็งแกร่งจากการออกสินค้าและเพิ่มช่องทางขายใหม่ โดยเฉพาะการรุกตลาดต่างประเทศ คาดยอดขายปี 61-62 ของ H&B จะเพิ่มเป็น 2.1 พันลบ. และ 2.8 พันลบ.จากปีนี้ที่คาด 1.4 พันลบ.ด้านราคาหุ้นปรับฐานจน Upside เปิดกว้าง ทางเทคนิคยังเกิดรูปแบบ Bullish Engulfing และจิตวิทยาการลงทุนยังเป็นบวกจากการเข้าซื้อของผู้บริหาร 1.3 ล้านหุ้นที่ราคา 23 บาทด้วย
  • BAFS (เอเอสแอล) เป้า 52 บาท เชื่อว่ากำไรสุทธิปี 61 จะกลับมาเติบโต 10.8%YoY ภายใต้สมมติฐานอัตราการเติบโตของปริมาณน้ำมันให้บริการเติบโตในระดับปกติที่ 3.5%YoY ขณะที่โครงการลงทุนยังคงเดินหน้าตามแผน จะเป็น Upside ของ BAFS ในระยะยาว ด้านเงินปันผลประเมินเงินปันผลสำหรับ 2H60 อีก 1 บาท ให้ผลตอบแทน 2.2% ขณะที่ปี 61 โดยคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 1.3 บาท ให้ผลตอบแทน 2.8%
  • S11 (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 10.20 บาท หุ้น laggard ที่ตลาดมองข้าม คาดปี 61 กำไรจะเติบโตก้าวกระโดดที่ 527 ล้านบาท (EPS 0.86) เติบโต 28% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยาย Dealer, การออกรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของ Honda และการเพิ่มของ NPL จะเริ่มชะลอลง ทำให้ไม่ต้องตั้งสำรองมากอย่างเช่นปี 60 ด้านราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ FW PE 61 เพียง 9.47 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นในกลุ่ม Leasing ซึ่งเทรดที่ FW PE 61 ที่ 15 เท่า ในขณะที่ Div 61 สูงถึง 5.28%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ