(เพิ่มเติม) CK คาดปี 60 รายได้ก่อสร้างทะลุ 3.5 หมื่นลบ. ตุน Backlog กว่า 7.8 หมื่นลบ.-ปี 61 ใกล้เคียงปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 20, 2017 16:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ช.การช่าง (CK) คาดรายได้ก่อสร้างของปี 60 น่าจะทะลุ 3.5 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ 3.5 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทยังคงสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้และกำไรจากการดำเนินงานได้ในระดับที่น่าพอใจ หลังรายได้ไตรมาส 3/60 เป็นไปตามเป้า ขณะที่โครงการต่าง ๆ ยังคงคืบหน้าต่อเนื่องและเป็นไปตามแผน เช่น โครงการไซยะบุรี มีความคืบหน้า 82.5% โครงการรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่น มีความคืบหน้า 42% โดยปัจจุบัน CK มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 7.8 หมื่นล้านบาท

"ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา รายได้ทำได้แล้ว 2.9 หมื่นล้านบาท คาดว่า ทั้งปีมีผลประกอบการดีเป็นไปตามเป้าหมาย 3.5 หมื่นล้านบาท ปีนี้คงจบทะลุเป้าหมายได้ และอัตรากำไรขั้นต้น 8% เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ได้เพราะเราเคยทำได้" นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดใหญ่ CK กล่าว

ในปี 61 บริษัทตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งงานก่อสร้างกว่า 20-25% จากโครงการภาครัฐที่คาดการณ์จะมีงานออกมาต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเข้าประกวดราคาในทุกโครงการที่รัฐบาลเปิดประกวดราคา อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑล 4 มูลค่า 2.12 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงสมุทรปราการ-บางปู และคูคต-ลำลูกกา โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 ช่วงเกษตร-นวมินทร์ โครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท ตลอดจนโครงการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เช่น สปป.ลาว

นางสาวสุภามาส คาดว่า ในปี 61 บริษัทจะมีรายได้จากงานก่อสร้างได้ราว 3.5 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ 7.8 หมื่นล้านบาท มี 20 โครงการ ซึ่งทยอยรับรู้ 2 ปี โดยตามแผนธุรกิจ 5 ปี จะสร้างรายได้จากงานก่อสร้างเฉลี่ยปีละ 3.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งมีรายได้เพิ่มจากเงินปันผลของบริษัทย่อย 3 แห่งรวมกันราว 1 พันล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 8-10% จากปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมายืนระดับ 8% สูงกว่าปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.31% โดยจะรักษา Backlog ในระดับ 7 หมื่นล้านบาท

สำหรับภาพรวมธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี 61 เติบโตได้ดี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ดีขึ้นตามเศรษฐกิจขาขึ้น ที่สำคัญคาดการณ์การลงทุนภาครัฐจะขยายตัว 11.6% จากปีนี้โต 6.2% ขณะที่ราคาวัสดุก่อสร้างไม่ได้หวือหวามาก จึงไม่น่าเป็นกังวล และยังมีเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่า K )โดยภาครัฐมีแผนลงทุนโครงสร้างมากขึ้น จำนวนประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท โดยมีการลงทุนโครงการรถไฟฟ้า ระบบราง รถไฟความเร็วสูง ดังนั้น CK เตรียมตัวให้พร้อมกับงานภาครัฐที่จะออกมาในปีหน้า และเชื่อว่าจะมีงานภาครัฐทยอยออกมาต่อเนื่อง 5-10 ปี โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีแรก

"เรามีความพร้อมประมูล ด้วยความชำนาญของเรา และมั่นใจจะได้งาน 20-25% ของงานภาครัฐที่ออกมา เรามีสถานะทางการเงินที่แข็งแรง"

นางสาวสุภามาส กล่าวว่า CK ยังสนใจเข้าร่วมประมูลโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) อาทิ มอเตอร์เวย์ รวมถึงสนามบิน นอกจากนี้กำลังศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ที่เชื่อมสนามบิน 3 แห่ง ที่รัฐจะให้เข้าร่วมลงทุนแบบ PPP

นอกจากนี้ บริษัทสนใจเข้าไปรับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเมียนมา ซึ่งมีโอกาสสูง เพราะเมียนมายังมีความต้องการสร้างถนน ทางด่วน โรงไฟฟ้า ซึ่งบมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) บริษัทในกลุ่ม CK ประเดิมลงทุนโรงผลิตน้ำประปา วงเงิน 400 ล้านบาท ส่วนในสปป.ลาว ก็ยังมีโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใหม่ โดยระหว่างนี้ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) อยู่ระหว่างเจรจาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใหม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้

นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานปฏิบัติการ CK กล่าวว่า งานโครงการภาครัฐที่คาดว่าภาครัฐจะเร่งออกประกวดราคาในปีหน้า ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑล 4 มูลค่า 2.12 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงสมุทรปราการ-บางปู มูลค่ารวมประมาณ 3 แสนล้านบาทและรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวมราว 1 แสนล้านบาท รวมแล้วประมาณ 4 แสนล้านบาท และคาดว่า CK จะได้งาน 20-25% หรือคิดเป็นประมาณ 8 หมื่นล้านบาท-1 แสนล้านบาท

"ปีหน้าโครงการมาแน่ ๆ คือรถไฟฟ้าในเมือง สายสีม่วง สายสีส้มตะวันออก สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สายสีเขียวส่วนต่อขยาย ยังมีสายสีเทา สายสีน้ำตาล ส่วนที่การจัดทำพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างใหม่ไม่ได้เป็นปัญหา และต่อไปรัฐจะลงทุนไป ภูมิภาคมากขึ้น เช่น ขอนแก่นที่จะใช้โมโนเรล งานโรงไฟฟ้าทางภาคใต้ ทางเหนือก็จะเพิ่มอ่างเก็บน้ำ"นายพงษ์สฤษดิ์ กล่าว

ด้านนายประเสริฐ มริตตะพร กรรมการบริหารและผู้บริหารอาวุโส CK กล่าวว่า ปัจจุบันทั้ง CK และบริษัทในกลุ่ม CK มีสถานะการเงินแข็งแรง โดย CK มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (P/E) 1.35 เท่า ซึ่งยังมีช่องที่จะสามารถกู้เพิ่มมารองรับโครงการได้อีกมาก โดยมีเพดานที่ 3 เท่า

โดยที่ผ่านมา CK ออกหุ้นกู้ 3 พันล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.11% ต่ำกว่าครั้งก่อนที่มีต้นทุนดอกเบี้ย 3.98% ทำให้ต้นทุนการเงินรวมเฉลี่ยที่ 3.32% ถือว่าต่ำ โดยมีกระแสเงินสด 8 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/60

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในปี 61 หุ้นกู้ของบริษัทจะครบกำหนดไถ่ถอน 2 พันล้านบาท ในกลางปี 61 คาดจะออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนหุ้นกู้เดิม แต่ต้องพิจารณาอีกครั้งจะออกช่วงไหน และจะออกหุ้นกู้ที่มีระยะเวลายาวขึ้น


แท็ก ช.การช่าง   (CK)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ