GBS มอง SET ปี 61 แกว่งตัวในกรอบ 1,655 -1,860 จุด รับแรงหนุนราคาน้ำมันสูง-ศก.ไทยขยายตัวต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 27, 2017 11:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนีหุ้นไทยปี 61 ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง และการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ บวกกับเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวต่อเนื่องตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยประเมินกรอบดัชนี 1,655-1,860 จุด

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 61 ยังคงให้ความสำคัญกับปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกทรงตัวที่ระดับสูง หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปกเห็นพ้องขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันไปจนถึงปลายปี 61 ประกอบกับกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 61 และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง อีกทั้งแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่รวมทั้งความคืบหน้าของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มูลค่าเงินลงทุน 1.5 พันล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี และการเมืองไทยเดินหน้าตามโรดแมพที่นำไปสู่การเลือกตั้ง

ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนในปี 61 จากการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 3 ครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับ fund flow ในการตัดสินใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้น

นอกจากนี้สถานการณ์ทางการเมืองสหรัฐที่อาจนำไปสู่การถอดถอนตำแหน่งประธานาธิดี และปัจจัยทางการเมืองยุโรปเองก็ยังบั่นทอนความมีเสถียรภาพของสหภาพยุโรปเป็นระยะ รวมทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบในคาบสมุทรเกาหลีจากการทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ และความไม่สงบจากเหตุก่อการร้ายในภูมิภาคตะวันออกกลางที่พร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

อย่างไรก็ตามมองว่าในปี 2561 ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตาต่อ อาทิ ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะสามารถยืนที่ระดับสูงได้หรือไม่ หลังราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีกำลังการผลิต Shale Oil จากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ-ยุโรปที่มีทิศทางเข้มงวดมากขึ้นหลังจากระดับอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นและเข้าใกล้เป้าหมาย และปัจจัยการเมือง-สหรัฐ-ยูโรโซน-ประเทศไทยว่ายังมีเสถียรภาพหรือไม่

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 61 จะแกว่งตัวในกรอบ 1,655 -1,860 จุด บนสมมติฐานระดับ PER 16-18 เท่า และคาดการณ์ระดับ EPS Growth ที่ราว 11.5%

ทั้งนี้ แนะนำเก็งกำไรในกลุ่มธนาคารและการเงิน แนะนำ KBANK KTB TMB MTLS SAWAD และ THANI เนื่องจากการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้มีความต้องการเงินลงทุนเพื่อใช้ในโครงการต่างๆ รวมทั้งการขยายกำลังการผลิต กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำ CK และ SEAFCO ที่ได้ประโยชน์การงานก่อสร้างที่จะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากหนุน backlog เติบโตแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ยังแนะนำเก็งกำไรในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำ AMATA และ WHA ซึ่งประกอบกิจการในเขตพื้นที่ EEC กลุ่มส่งออก ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ได้รับอานิสงส์จากยอดขายรถยนต์ในประเทศฟื้นตัว และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน แนะนำ DELTA และกลุ่มสื่อสารมีการเปิดประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz แนะนำ ADVANC และ TRUE

ทั้งนี้ในการจัดทำบทวิเคราะห์หุ้นในตลาด mai ตลอดปีที่ผ่านมาพบว่า หุ้นขนาดเล็กที่มีศักยภาพในการเติบโตดีในปี 2561 ได้แก่ COMAN JUBILE AMA AGE และ LIT

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ คาดว่าทิศทางราคาทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่สหรัฐพยายามแทรกแซงในหลายพื้นที่ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำโลก และปกป้องผลประโยชน์ แม้จะประกาศยุทธศาสตร์ชาติมุ่งเน้นไปที่การสร้างความมั่นคงภายในทั้งในแง่เศรษฐกิจและกำลังทหารก็ตาม

แต่การเคลื่อนตัวของราคาทองคำจะยังอยู่ในกรอบจำกัดต่อไป เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกกำลังทยอยปรับมาเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐฯที่ทำการปรับลดงบดุลของธนาคารกลางควบคู่กันด้วย ทำให้เงินสกุลดอลลาร์มีแนวโน้มจะแข็งค่ากดดันไม่ให้ราคาทองคำปรับเข้าสู่ขาขึ้นได้ง่ายนัก

สำหรับปี 2561 แนะนำให้เก็งกำไรในกรอบการแกว่งตัวทางเทคนิคระหว่าง 1,225–1,345 ดอลลาร์/ออนซ์ และการ breakout จากกรอบดังกล่าวจะให้สัญญาณ follow ที่ต่างกัน โดยถ้าราคาร่วงต่ำกว่า 1,225 ดอลลาร์ ควรเล่น follow short เก็บกำไรเป็นรอบสั้น ๆ แต่ถ้าราคาทะยานขึ้นเหนือ 1,345 ดอลลาร์/ออนซ์ ควร follow buy แล้วถือเล่นรอบที่นานขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ