กูรูชี้ดัชนีหุ้นไทยมีลุ้นแตะ 2,000 จุดใน 1-2 ปีตามทิศทางเศรษฐกิจโต แนะจับตาเลือกตั้งตัวแปรปลดล็อคเพิ่มความน่าสนใจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 7, 2018 18:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล. ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) กล่าวในงานสัมมนา "หุ้นไทยไป 2000 จุด?" โดยมองว่าแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยน่าจะแตะ 2,000 จุดได้ในช่วง 1-2 ปีจากนี้ เนื่องด้วยปัจจุบันยังไม่เห็นนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากนัก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีตัวเลือกในตลาดที่หลากหลาย ขณะเดียวกันต่างชาติมีความชื่นชอบหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งตอนนี้ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นประเภทดังกล่าวไม่ได้มากเหมือนในตลาดหุ้นสหรัฐที่มีหุ้นประเภทอินโนเวชั่น เช่น Facebook, Google และ Amazon เป็นต้น แต่ข้อดีของหุ้นไทย คือ มีการจ่ายปันผลในอัตราที่น่าสนใจ ดังนั้น คงต้องกระตุ้นให้นักลงทุนในประเทศกล้าลงทุนก่อน จึงจะเห็นเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาเอง

สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนในปีนี้ยังคงมุ่งไปที่ความคาดหวังการลงทุนภาครัฐ ภาคเอกชน และการลงทุนของต่างชาติ โดยแนะนักลงทุนเลือกหุ้นที่อิงกับนโยบายภาครัฐ เช่น WHA จากการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าระดับพรีเมียม และยังมีการขยายไปสู่ธุรกิจ E-commerce อีกทั้งยังแนะนำกลุ่มโรงพยาบาล เช่น BDMS โดยเชื่อว่าผลประกอบการน่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับเทรนของผู้สูงอายุ, หุ้น PTT และ PTTGC ที่ยังเติบโตดีต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มก่อสร้าง เช่น CK, UNIQ รวมถึงมองหุ้นที่ยังไม่ปรับตัวขึ้น แต่น่าจะปรับตัวขึ้นได้ เช่น BEC

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยจะไปถึง 2,000 จุด ได้น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี ซึ่งน่าจะปรับตัวขึ้นไปตามการเติบโตของประเทศ (GDP) และการลงทุนของภาคเอกชน ขณะเดียวกันก็ขึ้นอยู่กับการลงทุนภาครัฐว่าจะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้ เมื่อมองภาพตลาดหุ้นปัจจุบัน หากพิจารณาจากสถิติแล้วพบว่าในไตรมาส 1 หุ้นจะปรับตัวขึ้น จากเป็นการซื้อเพื่อดักงบการเงินของปีที่ผ่านมา รวมถึงซื้อเพื่อรอปันผล ยกเว้นจะมีเหตุการณ์ที่รุนแรงที่เข้ามากระทบให้หุ้นปรับตัวลง ส่วนไตรมาส 2 หุ้นจะลง เมื่อผลประกอบการประกาศแล้ว นักลงทุนก็จะเริ่มปรับพอร์ตเพื่อขายทำกำไรบ้าง และไตรมาส 3 หุ้นจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง

สำหรับหุ้นที่น่าลงทุน บล.กรุงศรี มองหุ้นกลุ่ม Global Play เช่น PTTGC, และหุ้นที่มีการเติบโตสูง เช่น HTC จากที่บริษัทดังกล่าวมีมาร์เก็ตแชร์ของน้ำอัดลมในภาตใต้เป็นอันดับ 1 รวมถึง PSL ที่มองว่าค่าระวางเรือในปีนี้น่าจะปรับตัวสูงขึ้น และกำไรจะเติบโตได้ราว 400 ล้านบาท

ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงค์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการปรับตัวขึ้นของ SET INDEX ปีนี้ ที่เร็วและแรงมาจากความคาดหวัง โดยช่วงต้นปีจะเป็นการคาดหวังถึงการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงทะลุ all time high 1,800 จุด ประกอบกับปัจจัยการเมืองในประเทศเองก็เริ่มนิ่งมากขึ้น โดยต้องรอดูว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น อาจจะช่วยปลดล็อคได้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นอีกเลือกที่ตลาดคาดหวัง

ทั้งนี้ มองภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังเกินดุล ส่งผลต่อทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับภูมิภาค สะท้อนความแข็งแกร่งของประเทศ ขณะเดียวกันเมื่อมองดัชนีจะไปถึง 2,000 จุดได้หรือไม่ เชื่อว่าไปถึงได้แต่คาดว่าอาจจะเป็นปลายปีนี้ หรือปีหน้า

ขณะที่แนะนำหุ้น PTT จากที่ยังมีการเติบโตดี และปัจจัยการแยกธุรกิจค้าปลีกภายใต้ PTTOR ออกจาก PTT น่าจะส่งผลดีต่อบริษัท และมองหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น BGRIM ที่น่าจะเติบโตจากการปรับขึ้นค่า FT อีกทั้งกลุ่มโรงพยาบาลก็ถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจทยอยสะสม และหุ้น PRM ที่เชื่อว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบยังมีต่อเนื่อง และน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และอีก 1 หุ้น ก็คือ DDD จากเทรนความงามที่มีการตอบรับดี และการขยายสู่ตลาดจีน


แท็ก หุ้นไทย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ