ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้และแนวโน้ม "ธ. ทิสโก้" ที่ "A/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 25, 2018 17:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคารทิสโก้ มูลค่าไม่เกิน 70,000 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนภายในปี 2564 ที่ระดับ "A" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ตลอดจนฐานเงินทุนและรายได้ที่เข้มแข็งของธนาคาร อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อและเงินรับฝากที่มีขนาดเล็ก ตลอดจนความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และการพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ของธนาคาร

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต ธนาคารทิสโก้เป็นบริษัทย่อยหลักของ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 99.99% ธนาคารมีขนาดของสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 8 จากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งสิ้น 11 แห่งในปี 2560 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 2.1% และเงินรับฝาก 1.6% รายได้ดอกเบี้ยสุทธิและเงินปันผลคิดเป็น 74.1% ของรายได้รวมในปี 2560 รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ซึ่งมีสัดส่วน 21.7% ของรายได้รวม

ธุรกิจลูกค้ารายย่อยจาก SCBT ส่งเสริมสถานะทางธุรกิจ กลุ่มทิสโก้ได้ซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) (SCBT) ในปี 2560 ประกอบด้วยการโอนสินเชื่อมูลค่า 33.7 พันล้านบาท และเงินฝากมูลค่า 14.6 พันล้านบาทมาที่ธนาคารทิสโก้และบริษัทออลเวย์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม โดยกว่า 31.4 พันล้านบาทเป็นสินเชื่อรายย่อยอันประกอบด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2.2 พันล้านบาทเป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium-sized Enterprises – SMEs) สำหรับเงินฝากส่วนใหญ่เป็นเงินฝากรายย่อยประเภทบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (Current Account Savings Account – CASA)

ธุรกิจที่รับโอนมาสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นธุรกิจรายย่อยของบริษัท ในขณะที่มีการขยายธุรกิจอื่น ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป การเข้าถึงกลุ่มลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน รวมถึงฐานลูกค้าเงินฝากที่กว้างขึ้น จะเพิ่มสถานะทางการแข่งขันของธุรกิจลูกค้ารายย่อย บริษัทยังมองโอกาสจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการบริหารความมั่งคั่งของกลุ่มให้แก่ฐานลูกค้าใหม่

พอร์ตสินเชื่อที่กระจายตัวมากขึ้นยังช่วยลดการพึ่งพาของธนาคารจากการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ณ สิ้นปี 2560 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีสัดส่วน 50.6% ของสินเชื่อรวม ลดลงจาก 60.6% ในปีก่อน สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีสัดส่วนอยู่ที่ระดับ 20.1% และ 6.0% ตามลำดับ สินเชื่อที่อยู่อาศัยมีสัดส่วน 8.5% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก 0.4% ในปีก่อน ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมุ่งเน้นการใช้ความชำนาญในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มาใช้ในการปล่อยสินเชื่อค้ำประกันทะเบียนรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง

สถานะเงินทุนและรายได้ที่เข้มแข็ง ธนาคารมีสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ Basel-III อยู่ที่ระดับ 15.98% เป็นสัดส่วน 77% ของเงินกองทุนรวม ณ สิ้นปี 2560 ทริสเรทติ้งมองว่าสถานะเงินทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยมีอัตราส่วนเงินปันผลที่ระดับ 50-60% ความสามารถในการหารายได้ของธนาคารทิสโก้มีอยู่อย่างเพียงพอที่จะรองรับสภาวะความผันผวนตามวัฏจักรธุรกิจได้ ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารถือว่าสูงกว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยที่ระดับ 1.6% ในปี 2560 สัดส่วนรายได้ที่เป็นค่าธรรมเนียมและบริการของบริษัทอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และอัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิตก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารทิสโก้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ต้นทุนทางเครดิตของธนาคารลดลงเหลือ 1.2% ในปี 2560 จากระดับสูงสุดที่ 2.0% ในปี 2558 ธนาคารยังคงนโยบายเพิ่มการกันสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบจากการใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 อัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากสู่ระดับ 201.9% ณ สิ้นปี 2560 จากจุดต่ำสุดที่ระดับ 80.7% ณ สิ้นปี 2558

แม้ว่าพอร์ตสินเชื่อจาก SCBT มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมสูงกว่า แต่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารก็ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่ลดลงอย่างมากของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ลดลงจากระดับ 2.9% ในปี 2558 สู่ระดับ 2.2% ในปี 2560 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย

มีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสูง อันดับเครดิตของธนาคารทิสโก้ถูกจำกัดโดยของสถานะแหล่งเงินทุน ธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กจะมีสัดส่วนของฐานเงินฝากรายย่อยที่ค่อนข้างเล็กในขณะที่มีการพึ่งพาแหล่งเงินจากการกู้ยืมในระดับสูง ในขณะที่สัดส่วนของการกู้ยืมในระดับที่สูงของธนาคารทิสโก้สะท้อนถึงกลยุทธ์การระดมเงินจากแหล่งเงินทุนที่มีความยืดหยุ่นสูง

อย่างไรก็ตาม เงินฝากจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ได้รับโอนจาก SCBT เป็นปัจจัยเสริมสถานะเงินทุนของธนาคาร สัดส่วนเงินฝากต่อแหล่งเงินทุนรวมเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 72.9% ในปี 2560 จาก 69.2% ในปีก่อน สัดส่วน CASA ต่อเงินฝากก็เพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 35.7% สู่ระดับ 37.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากซึ่งลดลงสู่ระดับ 135.3% ในปี 2560 จากระดับ 142.3% ในปีก่อนก็จัดว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารทิสโก้จะยังคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจลูกค้ารายย่อย และมีฐานเงินทุนและสถานะด้านรายได้ที่มีความแข็งแกร่ง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมากและต่อเนื่อง รวมถึงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่ถดถอยลงอย่างรุนแรง ในขณะที่อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารทิสโก้ในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างยั่งยืน รวมถึงขยายพอร์ตสินเชื่อให้หลากหลายมากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ