ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ 4,300 ลบ.ของ CK ที่ระดับ "A-/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 9, 2018 10:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บทจ.ช. การช่าง (CK) ที่ระดับ "A-" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ ไถ่ถอนภายใน 5 ปี ในวงเงินไม่เกิน 4,300 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A-" เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็น 4,300 ล้านบาท จากเดิม 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่มีอยู่

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทย ตลอดจนความสามารถในการรับงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งความแข็งแกร่งในการดำเนินโครงการและความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงและการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 ใกล้เคียงกับประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง โดยรายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 36,071 ล้านบาท ลดลง 21% จากปีก่อนหน้า ซึ่งในปี 2559 บริษัทมีรายได้เป็นสถิติสูงสุดอยู่ที่ 45,809 ล้านบาท โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นรายได้ที่มาจากโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2560 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.3% จาก 7.2% ในปี 2559 ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2560 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,790 ล้านบาท จาก 1,510 ล้านบาทในปี 2559

บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างในมือที่ยังไม่ส่งมอบมูลค่า 72,200 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 โดยมีโครงการหลัก ๆ ได้แก่ โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 25,500 ล้านบาท โครงการซ่อมบำรุงและซื้อเครื่องจักรรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมูลค่า 16,100 ล้านบาท และโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีมูลค่า 13,900 ล้านบาท ทั้งนี้ ทั้ง 3 โครงการมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนถึง 77% ของมูลค่าโครงการที่ยังไม่ส่งมอบทั้งหมดของบริษัท

ณ สิ้นปี 2560 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 62.21% ลดลงจาก 72.39% ในปี 2559 อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากที่มีการโอนภาระเงินกู้ยืมของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้แก่บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพแล้วซึ่งเป็นไปตามประมาณการของทริสเรทติ้ง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเมื่อพิจารณาจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนและเงินให้กู้ยืมระยะยาวในโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ได้งานใหม่ ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 35,000-38,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2563 งานในมือจำนวนมากจะช่วยรักษาระดับรายได้ในอนาคตของบริษัท นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงกว่า 8% โดยเฉลี่ยเอาไว้ได้แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงก็ตาม รวมทั้งจะยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 65% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าไว้ได้เช่นกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง โดยปัจจัยที่จะทำให้อันดับเครดิตของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ กรณีที่บริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดได้สูงกว่าประมาณการและสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 60% เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องได้ ในขณะที่ปัจจัยลบสำหรับอันดับเครดิต ได้แก่ การมีต้นทุนก่อสร้างในโครงการหลัก ๆ ที่สูงกว่าประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ หรือการให้การสนับสนุนทางการเงินที่มีมูลค่าสูงแก่บริษัทในกลุ่มนอกเหนือจากที่ประมาณการไว้ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อกระแสเงินสดของบริษัทเป็นอย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ