(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ทางเทคนิค เล็งต่างชาติซื้อคืนต่อหลัง Bond Yield ต่ำกว่า 3% และเงินดอลลาร์สหรัฐฯชะลอแข็งค่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 14, 2018 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ทางเทคนิค ทั้งนี้ ตลาดฯน่าจะรับรู้การชะลอการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ที่ขณะนี้อยู่ในระดับต่ำกว่า 3% และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็ชะลอตัวด้วย ทำให้ช่วยหนุนให้นักลงทุนต่างชาติจะซื้อคืนต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ซื้อสุทธิไปกว่า 2,000 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ขายไป 14 วันติดต่อกัน

อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ให้ติดตามการให้ความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายสาขา ในประเด็นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และให้ติดตามการประกาศการทบทวนของ MSCI ที่น่าจะรู้ได้เช้าวันพรุ่งนี้

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,750-1,755 จุด ส่วนแนวต้าน 1,775-1,780 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,831.17 จุด เพิ่มขึ้น 91.64 จุด (+0.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,727.72 จุด เพิ่มขึ้น 4.65 จุด (+0.17%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,402.88 จุด ลดลง 2.09 จุด (-0.03%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 53.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.78 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 376.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 79.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 32.06 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 พ.ค.61) 1,765.93 จุด เพิ่มขึ้น 19.04 จุด (+1.09%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,016.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 พ.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 พ.ค.61) ปิดที่ระดับ 70.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 66 เซนต์ หรือ 0.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 พ.ค.61) ที่ 6.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.86 แนวโน้มทรงตัวในกรอบ 31.75-31.90 ตลาดจับตาทิศทางการเมืองมาเลเซีย
  • พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซีและโทเคนดิจิทัล) พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้วันที่ 14 พ.ค. 2561 โดยมีสาระสำคัญคือผู้ที่ประสงค์จะเสนอขายโทเคนดิจิทัลดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) และให้กระทำ ได้เฉพาะนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือ บริษัทมหาชน และต้องยื่นแบบแสดงรายการ ข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยผู้ลงทุน ต้องเสียภาษี 15% ของเงินได้ที่เกินกว่าที่ลงทุน
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้จะมีอีก 2 ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้สูงในระดับ 4.2-4.6% คือ การจัดมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ คาดว่ามีมูลค่าการใช้จ่ายในประเทศไม่ต่ำกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท หรือช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่ม 0.4-0.5%
  • แบงก์ประเมินมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 กระทบสินเชื่อบ้านหนัก ต้องคำนวณความเสี่ยงตลอดอายุสัญญากู้ ส่งผลอาจต้องลดLTV หรือเพิ่มเงินดาวน์เป็น 20-30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5-10% เพื่อลดความเสี่ยง พร้อมกำหนดดอกเบี้ยคงที่นานขึ้น จากเฉลี่ย 3 ปีเป็น 5 ปี ให้สอดคล้องกับการคำนวณรายได้
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่องในการประชุม กนง. รอบที่สามของปี 2561 ในวันที่ 16 พ.ค. 2561 นี้ เพื่อสนับสนุนความต่อเนื่องของการขยายตัวเศรษฐกิจไทย โดยการใช้จ่ายในประเทศยังพื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ทำให้ความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีไม่มาก ทั้งนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย แม้จะเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น แต่ยังคงเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
  • กพท.ขีดเส้น มิ.ย.นี้ หากสายการบินยังไม่ผ่าน Re-AOC ต้องหยุดบินทันที เผยมี 1 สายการบินไม่ผ่าน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BBL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 230 บาท กลุ่มธนาคารได้ Sentiment เชิงบวกจากข่าวคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี(กกบ.) เห็นชอบให้ชะลอการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) ออกไปอีก 1 ปี ทำให้แรงกดดันจากการเร่งตั้งสำรองในงบการเงินลดลง โดยกลุ่มธนาคารเลือก BBL เป็น Top Pick
  • EA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 47 บาท กำไรสุทธิ Q1/61 อยู่ที่ 1,947 ลบ. โดยมีรายการพิเศษจากการเปลี่ยนสถานะของ Amita จากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อยราว 895 ลบ. ถ้าหักออก กำไรปกติเกิน 1 พันลบ. เป็นไตรมาสแรกตามคาด แนวโน้มกำไร Q2-3/61 จะทรงตัวต่อเนื่องก่อนไปพุ่งขึ้นอีกครั้งใน Q4/61 จากการ COD โรงไฟฟ้าลมเพิ่มอีก 260MW พร้อมคาดกำไรทั้งปีที่ 4,805 ลบ. +28% Y-Y และปีหน้า +29% Y-Y ราคาหุ้นตอนนี้คิดเป็น PE2561 ที่ 27 เท่า และจะลดเหลือ 21 เท่าในปีหน้า และจะลดในอัตราเร่งเมื่อเริ่มทำ Batery storage ในปี 2563
  • BCP (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 61 บาท ความน่าสนใจคือราคายังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ปัจจุบัน Trade Implied Mkt/EBITDA ธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจการตลาด เพียงแค่ 3 เท่า และด้วยราคาตลาดตอนนี้ Downside risk จำกัด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาวที่จ่ายปันผล ระดับ Dividend Yield ในระดับ 5-6%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ