SPCG คาดผลงาน Q2/61 โตจากโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นขนาด 30 MW เริ่ม COD, คาดสรุปลงทุนโรงไฟฟ้าแห่ง 2 ในญี่ปุ่น Q4/61

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 14, 2018 15:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาววันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้เพิ่มมากจากการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม Tottori Yonago Mega Solar Power Plant กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ณ เมืองทอตโตะริ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

โครงการดังกล่าวบริษัทได้ร่วมกับบริษัท Kyocera Corporation และ Tokyo Century Leasing Corporation เข้ามาเสริม ซึ่งทำให้ในไตรมาส 2/61 บริษัทจะมีกำลังการผลิตที่ COD แล้วทั้งโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อปรวม 290 เมกาวัตต์ จากเดิมที่ 260 เมกะวัตต์

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโซลาร์ฟาร์มแห่งที่ 2 ในญี่ปุ่น คือ โครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima Mega Solar Project ขนาดกำลังผลิต 480 เมกะวัตต์ ณ เกาะ Ukujima เมืองนางาซากิ ในประเทศญี่ปุ่น มีผู้ร่วมทุนทั้งสิ้น 8 บริษัท ได้แก่ Kyocera Corporation, Kyudenko Corporation, Mizuho Bank, SPCG, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation และ The Eighteenth Bank limited ซึ่งใช้งบลงทุนรวม 5.8 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาสัดส่วนการถือหุ้นและจำนวนเงินลงทุนที่จะต้องใช้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/61 ซึ่งการลงทุนบริษัทจะต้องมีผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 5-9% โดยโครงการดังกล่าวจะมีการลงทุนโดยใช้สัดส่วนทุน 25% และเงินกู้ 75% ใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 4 ปี (ปี 61-64)

ในด้านเงินลงทุนของบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งมีเครื่องมือทางการเงินที่รองรับการลงทุนได้ ประกอบกับบริษัทยังมีเงินที่เหลือจากการออกหุ้นกู้อีก 8 พันล้านบาท จากการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 1.3 หมื่นล้านบาท โดยได้ใช้ชำระหนี้ไป 5 พันล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 เท่า และจะควบคุมไม่ให้เกิน 2 เท่า

นอกจากนี้ บริษัทยังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม ณ เมืองฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 9.6 พันล้านบาท คาดว่าจะสรุปผลศึกษาและตัดสินใจลงทุนได้ภายในไตรมาส 4/61 ทั้งนี้ การลงทุนในระยะต่อไปจะเน้นโครงการโซลาร์ในประเทศไทยและญี่ปุ่น พร้อมกับศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามด้วย

นางสาววันดี กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD ภายในปี 63 รวม 500 เมกะวัตต์ ขณะที่สัดส่วนรายได้จากโซลาร์รูฟท็อปในปีนี้จะเพิ่มเป็น 25% ของรายได้รวม หรือมีรายได้จากโซลาร์รูฟท็อปอยู่ที่ 2 พันล้านบาท จากปีก่อนมีสัดส่วนรายได้ที่ 5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ