โกลเบล็ก มองปัจจัยต่างประเทศ-ต่างชาติขายต่อเนื่องกดดัน SET ให้กรอบดัชนี 1,715-1,750 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 30, 2018 15:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์มีแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ได้แก่ ความกังวลปัจจัยการเมืองของยูโรโซนได้แก่ รัฐบาลอิตาลีและสเปนที่ขาดเสถียรภาพ สงครามการค้าสหรัฐกับประเทศคู่ค้า ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงจากความกังวลต่อการที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียกำลังพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันกดดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมทั้ง fund flow ผันผวนต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติ่ยังคงขายสุทธิเพิ่มขึ้น

ขณะที่ปัจจัยบวกในสัปดาห์นี้ดูมีน้ำหนักไม่มากนัก จากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตดี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาสแรกเติบโตสูงถึง 4.8% จากความสนใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป สหรัฐ ในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โครงการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) เร่งด่วน 3 โครงการมูลค่าลงทุนรวม 4.47 แสนล้านบาท การเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ขณะที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2562 ยังมีแนวโน้มเป็นงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องจากปีก่อนหน้าเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเร่งประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานต่อเนื่องในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจดังนี้ วันที่ 31 พ.ค. ธปท.จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และวันที่ 1 มิ.ย. ครบกำหนดที่สหรัฐขยายเวลาการยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็ก-อลูมิเนียมให้สหภาพยุโรป แคนาดา และเม็กซิโก รวมทั้งสหรัฐ จีน และอียู มีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเดือน พ.ค.นอกจากนี้สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและดัชนีภาคการผลิตเดือน พ.ค.

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนในทิศทางอ่อนตัวจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก คาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,715-1,750 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ หุ้น NYT ได้ประโยชน์จากตัวเลขยอดส่งออกรถยนต์โต 5.29% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 หุ้นที่ Laggard ดัชนี ได้แก่ CPF, CK, STEC, UNIQ, BJC และหุ้น MAI ที่คาดว่ากำไรปี 61 เติบโตได้แก่ JUBILE, ATP30, AGE, XO, SSP, TPCH

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ส่งผลให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยล่าสุดมีกระแสข่าวว่าเกาหลีเหนือและสหรัฐอาจกลับมาประชุมกันตามเดิม แต่ยังไม่มีความแน่ชัด

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ จากตัวเลขเศรษฐกิจภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐขยายตัวสูงสุดในรอบ 44 เดือนและ 3 เดือนตามลำดับเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ คาดกรอบราคาทองคำสัปดาห์นี้ที่ 1,285-1,320 ดอลลาร์ โดยเน้นซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์ และให้ติดตามการประชุมสหรัฐและเกาหลีเหนือหากล่าช้าหรือยกเลิกการประชุมจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ