บล.เอเซีย พลัส เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นเป็น 40% จากเดิม 30% ชูกลุ่มแบงก์-วัสดุก่อสร้าง-รับเหมาฯฟื้นตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 4, 2018 17:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยฯปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นเป็น 40% จากเดิม 30% หลังภาพรวมตลาดนับจากต้นปี SET Index ปรับลง 1.9% จากกลุ่มมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่กดดันตลาดมากสุด มีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแบงก์พาณิชย์ , วัสดุก่อสร้าง และรับเหมาก่อสร้าง จนอยู่ในระดับที่ underperform ตลาดนั้น คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้หลังจากนี้

โดยแบงก์พาณิชย์ ที่มีมาร์เก็ตแคปคิดเป็น 12.6% ของทั้งตลาด ปรับตัวลดลงถึง 9.7% นับจากต้นปี จากความกังวลเรื่องรายได้ค่าธรรมเนียมผ่านระบบออนไลน์ ที่จะเริ่มเห็นการลดลงชัดเจนในไตรมาส 2/61 กดดันกำไรสุทธิรวมปีนี้โตไม่โดดเด่น อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้น ช่วยชดเชยผลกระทบรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง จากเศรษฐกิจเติบโตดีกว่า ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ ขณะที่เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น จนอาจแตะ 2% ในเดือน ก.ย. จึงเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะขึ้นดอกเบี้ยไตรมาส 4/61 ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มแบงก์

ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง มีมาร์เก็ตแคป 4.8% ของทั้งตลาด ลดลง 7.9% นับจากต้นปี หลัก ๆ กดดันด้วยหุ้น SCC ที่ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างยังซบเซา ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มีมาร์เก็ตแคป 1% ของทั้งตลาด ปรับตัวลดลงถึง 11% ฉุดด้วยการเปิดประมูลโครงการภาครัฐที่ล่าช้า ทำให้ความน่าสนใจของกลุ่มนี้ลดลง

อย่างไรก็ตามกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และรับเหมาก่อสร้าง จะได้ Sentiment บวก จากความคืบหน้าการเปิดประมูลงานภาครัฐ เช่นทางด่วนดาวคะนอง-พระราม 3 จะเปิดประมูลเดือน มิ.ย. ส่วนโครงการอื่น ๆ จะทยอยตามมาครึ่งปีหลัง ทำให้ทั้ง 2 กลุ่มนี้ เริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง

ด้านกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปคิดเป็น 22.4% ของทั้งตลาด ปรับขึ้น 4.6% นับจากต้นปี เป็นกลุ่มหลักที่ช่วยประคองตลาด ซึ่งเป็นผลจากำไรไตรมาสแรกดีกว่าคาด เพราะได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง แต่ฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่า จากนี้ไปกลุ่มที่ชี้นำตลาดจะกลับทิศทาง กลุ่มพลังงานจะไม่นำตลาด เนื่องจากการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 22 มิ.ย. อาจกลับมาเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันอีกครั้ง เพื่อชดเชยส่วนที่หายไปจากอิหร่านและเวเนซูเอล่า รวมทั้งกำลังการผลิตของสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจำกัดการขึ้นของราคานั้น

นางภรณี กล่าวว่า แม้ว่ามาร์เก็ตแคปกลุ่มแบงก์ วัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง รวมกันคิดเป็น 18.4% ของตลาด ใกล้เคียงมาร์เก็ตแคปกลุ่มพลังงาน ทำให้ SET Index ขยับได้ไม่มาก แต่ Valuation หุ้นไทยที่ปรับฐานจน Expected P/E ลงมา 15.6 เท่า ขณะที่ SET Index เป้าหมายอิง P/E ที่ 16.5 เท่า อยู่ที่ 1,815 จุด เทียบปัจจุบัน มี upside ราว 5.5% ที่บริเวณใกล้ 1,700 จุด จึงเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุน

ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นเป็น 40% จากเดิม 30% ให้เน้นไปที่หุ้น Domestic Play คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เลือก CK, ITD กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เลือก SCC กลุ่มแบงก์ เลือก BBL, KBANK, TCAP


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ