LANNA เล็งซื้อโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดฯ 110 MW คาดลงทุน 40-49% ราว 40-50 ล้านเหรียญ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 6, 2018 11:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลานนารีซอร์สเซส (LANNA) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลง(MOU) กับอินโดนีเซีย เพาเวอร์ เพื่อเข้าร่วมทุนโรงไฟฟ้าถ่านเหิน ขนาดกำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ สัดส่วนลงทุนประมาณ 40-49% คาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจากการเข้าไปศึกษาโครงการนี้จะให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 8-11% และมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)ในเดือน ก.ค.นี้

ขณะเดียวกัน LANNA ก็ยังสามารถขายถ่านหินได้โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่ใกล้เหมือง PT. Singlurus Pratama (SGP) ที่บริษัทดำเนินการผลิตถ่านหินอยู่

นอกจากนี้ บริษัทสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศอินโดนีเซีย โดยทึ่ศึกษาอยู่เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ใช้พืชการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิต 2-3 เมกะวัตต์ โดยสถานที่ตั้งอยู่เกาะเดียวกับเหมืองถ่านหินที่บริษัทดำเนินการอยู่ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2-3 ล้านเหรียญสหรัฐ/เมกะวัตต์ ซึ่งมีทั้งโรงไฟฟ้าที่สร้างแล้ว ขนาด 2.4 เมกะวัตต์ และที่ต้องลงทุนสร้างใหม่ประมาณ 3 เมกะวัตต์ คาดว่าจะลงทุนได้ในปีหน้า ขณะนี้รอสัญญาขายไฟฟ้า (PPA) กับทางภาครัฐก่อน

สำหรับการจะเข้าลงทุนในโครงการสัมปทานเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียของ PT. PESONA KHATULISTIWA NUSANTARA (PKN) ในประเทศอินโดนีเซีย ใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 26 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 40% นั้น คาดว่าในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.จะเซ็นสัญญา และคาดว่าจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาในเดือน ก.ย.นี้ และมีความเป็นไปได้ที่ LANNA จะเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 75% ในอนาคตที่ผู้ถือหุ้นเดิมจะขายออกมา

ทั้งนี้ PKN มี PT. ENERGI NUSA MANDIRI (ENM) และ PT. CITRA DUTA JAYA MAKMUR (CDJM) ถือหุ้น 100% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว โดย PKN ในประเทศอินโดนีเซีย มีแหล่งสัมปทานเหมืองถ่านหิน ที่มีปริมาณสำรอง 50 ล้านตัน เป็นถ่านหินที่มีค่าความร้อน 3,100 -3,400 กิโลแคลอรี่/กิโลกรัม ส่วนใหญ่ส่งออกไปประเทศอินเดีย อีกส่วนใช้ในโรงไฟฟ้า โดย LANNA ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี จะผลิตถ่านหินจาก PKN จำนวน 5 ล้านตัน หรือดำเนินการขุดถ่านหินขึ้นมาให้ครบตามปริมาณสำรอง ภายใน 10 ปี

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการผลิตและขายถ่านหินของบริษัทในปี 61 เท่ากับ 6.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนผลิตและขาย 5.7 ล้านตัน แบ่งเป็นเหมือง LHI ที่ 3.9 ล้านตัน เพิ่มจากปี 60 ที่ 3.5 ล้านตัน และ เหมือง SGP คาดผลิตได้ 2.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2.2 ล้านตัน

สำหรับราคาขายในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะมีราคาเฉลี่ย 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน เทียบกับราคาขายในไตรมาส 1/61 เฉลี่ยที่ 102 เหรียญสหรัฐ/ตัน และปริมาณการขายในไตรมาส 2/61 ใกล้เคียงไตรมาส 1/61 ที่ 1.72 ล้านตัน นอกจากนี้บริษัทมียอดขายถึงไตรมาส 3/61 แล้วซึ่งคาดว่าราคาขายน่าจะดีกว่า 2 ไตรมาสแรก ทั้งนี้ราคาถ่านหินมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการถ่านหินของจีน โดยบริษัทคาดว่าราคาถ่านหินในปี 61 เฉลี่ยอยู่ที่ 85 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/61 LANNA มีรายได้จากธุรกิจถ่านหิน 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้รวม 3.08 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.62% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 257.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ