AU ตั้งเป้ายอดขายปี 61 โตไม่ต่ำกว่า 20% ตามการเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 8-10 สาขา งบลงทุน 6-7 ลบ./สาขา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 12, 2018 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อาฟเตอร์ ยู (AU) กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 735.38 ล้านบาท เป็นไปตามการขยายสาขาภายใต้แบรนด์ อาฟเตอร์ ยู ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้น โดยปีนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 8-10 สาขา วางงบลงทุนต่อสาขาเฉลี่ย 6-7 ล้านบาท

โดยในไตรมาสแรกเปิดไปแล้ว 3 สาขา ได้แก่ ดอนเมือง, เซ็นทรัลเวิลด์ , จ.เชียงใหม่ และในเดือนมิ.ย.นี้ จะเปิดสาขาที่จ.อุดรธานี ส่วนในไตรมาส 3/61 จะเปิดเพิ่มที่เซ็นทรัลพระราม 2, ไตรมาส 4/61 ที่จ.ภูเก็ต ,พัทยา และสุขุมวิท 101 รวมถึงยังอยู่ระหว่างคัดเลือกทำเลเพิ่มเติมอีก คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งสิ้น 37 สาขา ขณะเดียวกันยอดขายจากสาขาเดิมก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแผนการขยายสาขาในรูปแบบเฟรนไชส์ไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาขายเฟรนไชส์ให้แก่พันธมิตร ประเทศมาเลเซีย ได้ภายในไตรมาส 3/61 และน่าจะเห็นสาขาอาฟเตอร์ ยู ในประเทศมาเลเซีย เป็นสาขาแรกได้ในไตรมาส 2/62 ขณะที่หลังจากขยายไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว บริษัทฯ ยังมองโอกาสในการขยายไปยังประเทศอื่นๆ อีกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังว่าจะสามารถเปิดสาขาให้ได้อย่างน้อยปีละประเทศ ภายใน 5 ปี

ทั้งนี้ หลังจากได้ร่วมมือกับร้านกาแฟแบรนด์สตาร์บัคส์ นำขนมหวานเมนูยอดนิยมของอาฟเตอร์ ยู เข้าไปอยู่ในร้านกาแฟ ก็มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยล่าสุดทางสตาร์บัคส์ ได้ให้ AU นำส่งขนมหวานให้สาขาอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ส่งผลทำให้ขณะนี้บริษัทฯ สามารถขยายเข้าไปในร้านสตาร์บัคส์เพิ่มขึ้นเป็น 11 สาขา อีกทั้งก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรธุรกิจร้านอาหารจำนวน 2 ราย เพื่อทำธุรกิจลักษณะ Co-Branding คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในเดือนต.ค.นี้

นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมนำขนมหวานไปให้บริการบนเครื่องบินแก่สายการบินอื่นเพิ่มเติมอีก 1 ราย โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 3/61 จากปัจจุบันบริษัทฯ เป็นพันธมิตรกับสายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ ในการนำขนมหวานไปให้บริการบนเครื่องบินเพียง 1 แห่งเท่านั้น

นายแม่ทัพ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างก่อสร้างห้องเย็นเก็บสินค้า บนพื้นที่โรงงานเดิม เพื่อรองรับปริมาณงานจากต่างประเทศและต่างจังหวัด ที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวางงบลงทุนไม่เกิน 90 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 2/62

"เราตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปีจากนี้ สัดส่วนรายได้ที่มาจาก Co-Branding, แฟรนไชส์, Take a way และเดลิเวอรี่ จะขยับเพิ่มขึ้นมาในระดับใกล้เคียกับายได้ที่มาจากสาขา หรือประมาณ 50% จากปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีรายได้หลักมาจากสาขาประมาณ 95%"นายแม่ทัพ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ