(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซิกแซกลงต่อ หลัง ECB จะยุติมาตรการ QE สิ้นปีนี้ หวั่นเงินทุนไหลออกต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 15, 2018 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซิกแซกลงต่อ เนื่องจากผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ได้มีการประกาศแผนยุติการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในสิ้นเดือนธ.ค. ส่งผลให้สภาพคล่องลดลง และกระแสเงินทุนก็จะไหลออกจากภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนด้วย หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนแล้ว ตอนนี้ก็รอดูท่าทีของจีนจะทำอย่างไรต่อไป

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดเกิดใหม่จะปรับตัวลง อันเป็นผลจากเงินทุนไหลออก ขณะที่ตลาดที่พัฒนาแล้วจะปรับตัวขึ้น

พร้อมให้แนรับ 1,700-1,690 จุด ส่วนแนวต้าน 1,715-1,720 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,175.31 จุด ลดลง 25.89 จุด (-0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,782.49 จุด เพิ่มขึ้น 6.86 จุด (+0.25%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,761.04 จุด เพิ่มขึ้น 65.34 จุด (+0.85%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 144.63 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 29.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 15.78 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.70 จุด,

ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ,อินโดนีเซีย และตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฏิ้ลฟิตริ

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 มิ.ย.61) 1,709.86 จุด ลดลง 8.48 จุด (-0.49%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 9,654.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 มิ.ย.61) ปิดที่ 66.89 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 มิ.ย.61) ที่ 4.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.30 อ่อนค่าตามยูโร หลัง ECB ประกาศตรึงดอกเบี้ย-ตลาดรอติดตามผล BOJ วันนี้
  • เวิลด์แบงก์อาจปรับขึ้น คาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจไทยจากปัจจุบัน 4.1% สำหรับปี 2561 โดยแนวโน้มการเติบโตที่มีเสถียรภาพและสัญญาณว่าภาคเอกชนไทยกำลังกลับมาลงทุนในประเทศอีกครั้ง เป็นหนึ่งในปัจจัยบวกสำหรับเศรษฐกิจไทย
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ไทยพาณิชย์ หรืออีไอซี ประเมินตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้ฟื้นตัว คาดยอดโอนเพิ่มขึ้น 7% หรือ 4.6 แสนล้านบาท แนะจับตาภาวะล้นตลาด หลังมียูนิตที่ขายไม่ออกสูงถึง 1.76 แสนยูนิต ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม ใกล้เคียงช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ไม่น่าห่วงเท่า เพราะผู้ประกอบการปรับตัวทั้งเลือกกลุ่มลูกค้าและเร่งระบายสต็อก
  • ธปท.ได้ออกประกาศอนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) สามารถยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินตราต่างประเทศ โดยให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้กับลูกค้า เพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีบริษัทหลักทรัพย์นั้นเป็นนายหน้าหรือตัวแทนในการลงทุนได้
  • ทอท.จ่อชงบอร์ดอนุมัติแผนสร้างดอนเมืองเฟส 3 มูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมเร่งเดินหน้าจัดทำร่างทีโออาร์ คาดต้นปี 63 เริ่มก่อสร้าง ด้าน ทย.เปิดชิงก่อสร้างลานจอดท่าอากาศยานกระบี่ 1.2 พันล้านบาท 15 มิ.ย.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • NFC (ฟินันเซีย ไซรัส) กลับมาเทรดวันนี้ หลังจากผ่านกระบวนการฟื้นฟูแล้วเสร็จ มีผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่คือนายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี (เจ้าของบริษัท SC Group ทำธุรกิจโลจิสติกส์) ถือ 58.19% ปัจจุบัน NFC ทำธุรกิจซื้อมาขายไปแอมโมเนียและซัลเฟอร์ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีรายได้ปีละประมาณ 1 พันล้านบาทเศษ มีกำไรปกติปีละ 200 ล้านบาทเศษ ส่วน Q1/61 กำไร 26 ล้านบาท -42% Y-Y ผู้บริหารต้องการขยายธุรกิจของ NFC เข้าสู่โลจิสติกส์ซึ่งมี synergy กับธุรกิจเดิมของนายณัฐภพ แต่ยังไม่ใช่ภายใน 1-2 ปีนี้ บนฐานธุรกิจปัจจุบันของ NFC ที่ทำกำไรได้ปีละ 200 กว่าล้านบาท หรือ EPS 0.19 บาท (พาร์ 0.75 บาท) ถ้าอิง PE 15-20 เท่า จะได้ราคา 3-4 บาท
  • MTC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 50 บาท ได้ Sentiment บวกจากกระแสข่าวที่กระทรวงการคลังจะเลื่อนบังคับใช้กฏหมายนอนแบงก์ออกไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า ด้านผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดกำไรสุทธิ 3,464 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 39%yoy
  • BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 29 บาท แนวโน้มกำไร Q2/61 อยู่ในเกณฑ์ดี อาจชะลอจากไตรมาสก่อนซึ่งเป็น high season แต่จะเพิ่มขึ้น Y-Y จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่วนหุ้นกู้แปลงสภาพที่มีราคาแปลง 21.045 บาทต่อหุ้น ยังเหลืออยู่ 372 ล้านหุ้น จะหมดอายุ ก.ย. 2562 หากผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมด จะทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเพียง 2.4% แทบไม่กระทบ EPS และราคาเป้าหมาย ราคาหุ้นที่ปรับลงจะเป็นโอกาสในการลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ