TCMC ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้เพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นลบ. พร้อมตั้ง"โทริฯ"เป็นตัวแทนจำหน่ายพรมภายใต้แบรนด์ "รอยัลไทย" ในญี่ปุ่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 18, 2018 11:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TCMC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมจะเติบโตมาที่ระดับ 10,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 7,711 ล้านบาท เป็นผลจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารธุรกิจในองค์กรใหม่ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะมีความชัดเจนในการบริหารธุรกิจแต่ละกลุ่มมากขึ้น ขณะที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพรมอันดับต้น ๆ ของโลก โดยล่าสุดบริษัท รอยัลไทย ฮ่องกง (2017) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ได้แต่งตั้ง บริษัท โทริ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายพรม รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งภายในครบวงจรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายพรมภายใต้แบรนด์ รอยัลไทย (Royal Thai) สำหรับติดตั้งในงานโรงแรมในประเทศญี่ปุ่นแต่เพียงผู้เดียว

การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพในการสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแรง อีกทั้ง ยังเป็นการขยายตลาดใหม่ ๆ ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นการยกระดับแบรนด์สินค้าด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้

ทั้งนี้ บริษัท โทริ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นบริษัทที่ผลิตและจัดจำหน่ายพรมรายใหญ่และเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น มีความเชี่ยวชาญและชำนาญ อีกทั้งยังมีเครือข่าย (Network) ที่กว้างขวางและมั่นคง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาก่อนการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย บริษัทมียอดขายจากประเทศญี่ปุ่นบ้างแล้ว แต่ยังไม่มากนัก ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่ายอดขายจากตลาดใหม่ ๆ ในญี่ปุ่น จะเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยผลักผลประกอบการรวมให้เติบโตอย่างโดดเด่นแน่นอน

นอกจากนี้โอกาสในการเติบโตของธุรกิจพรม มีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีนโยบายให้ขยายโรงแรม และคาสิโนถูกกฎหมายมากขึ้น เพื่อเป็นการดึงให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ซึ่งจากประสบการณ์ตรงที่ผ่านมา บริษัทได้รับเลือกให้เป็นพรมที่ใช้ตกแต่งในคาสิโนระดับโลกหลายแห่ง ทั้งในสหรัฐอเมริกา และในมาเก๊า เป็นต้น รวมถึงเมืองแห่งการท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น โรงแรม เวนีเซีย ในประเทศสหรัฐ ที่มีจำนวนห้องพักกว่า 2,000 ห้อง ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นผู้ตกแต่ง และเชนโรงแรมดังกล่าวมีแผนจะขยายตลาดเข้าไปในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทจะได้เปรียบคู่แข่งตรงที่เคยมีผลงานให้เห็นแล้ว ลูกค้าจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ และมีความเชื่อมั่นในผลงาน จากผลงานที่ผ่านมา

นายพิมล กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจในพอร์ตการดำเนินงาน จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น, 2.กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และ 3.กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุในรถยนต์ ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะมีกลยุทธ์ในการดำเนินงานที่แตกต่างกัน จากทีมผู้บริหารที่เชียวชาญในแต่ละกลุ่มธุรกิจ

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1/61 บริษัทมีรายได้รวมที่ 2,142.60 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิที่ 15.97 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1 ของทุกปีเป็นช่วงโลซีซั่นของธุรกิจค้าพรม ซึ่งช่วงนี้จะยังไม่มีการจ้างงานจากโครงการขนาดใหญ่ แม้บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ ประกอบกับบริษัทยังมีต้นทุนที่ต้องรับภาระ จากการเข้าไปซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่แล้ว จึงเป็นผลให้บริษัทมีบันทึกขาดทุนในช่วงไตรมาส 1/61 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจพรมจะเติบโตได้ดีในไตรมาสที่ 3-4

นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพรมอันดับต้น ๆ ของโลก และก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำทุกกลุ่มธุรกิจที่ทำ โดยเน้นขยายในทุกกลุ่มธุรกิจที่มีในพอร์ต ขณะเดียวกันบริษัทยังเปิดกว้างสำหรับธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ และเพื่อความหลากหลายของรายได้ที่จะเข้ามา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ