BCP คาดเริ่มรับรู้ผลดำเนินงานแหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์ตั้งแต่ Q4/61 หวัง IRR สูงกว่า 15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 25, 2018 11:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) คาดว่าจะสามารถรับรู้ผลการดำเนินงานจากการเข้าลงทุนแหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/61 ขณะที่คาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) สูงกว่าระดับ 15% และจะช่วยพัฒนาธุรกิจสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมของกลุ่มบริษัทได้ในอนาคต จากการที่ประเทศนอร์เวย์เป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกและมีมาตรฐานการขุดเจาะที่สูงมาก

"เราถือครึ่งๆ กับพาร์ทเนอร์ของเรา คาดว่าตอนจบเราจะถือ 45% และพาร์ทเนอร์จะถืออยู่ 45% ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นผู้บริหารที่โน่น หลักๆ เราก็คงจะมีทั้ง EBITDA และกำไรที่จะบุ๊คกลับเข้ามาได้ ปีนี้คาดว่าจะปิดดีลได้ในเดือน ต.ค.-พ.ย. เซ็นสัญญาก็อยู่ระหว่างการส่งมอบกันคงจะใช้เวลา 2-3 เดือน ปิดสักตุลาฯหรือพฤจิกาฯ ก็คงรับรู้ได้ในไตรมาสที่ 4 และปีหน้าทั้งปี...ส่วนจะรับรู้เท่าใดนั้นขึ้นกับราคาน้ำมัน ถ้าราคาน้ำมันอยู่ที่ 70-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลก็มีการรับรู้ฯที่สูงพอสมควร"นายชัยวัฒน์ กล่าวผ่านรายการสถานีโทรทัศน์เช้านี้

อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ก่อน BCP ลงนามในสัญญา Binding Term Sheet in relation to OKEA AS และ Deposit Repayment Agreement โดยจะเข้าร่วมลงทุนกับ Seacrest Capital Group ในแหล่งปิโตรเลียม Draugen Field และ Gjoa Field จาก A/S Norske Shell (Shell) โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ OKEA AS (OKEA) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศนอร์เวย์ในการดำเนินการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์

การเข้าซื้อแหล่งปิโตรเลียมแห่งใหม่ครั้งนี้นับเป็นการเข้าลงทุนแหล่งปิโตรเลียมแห่งที่ 2 หลังจากเข้าลงทุนในบริษัท Nido Petroleum จำกัด (Nido) เมื่อปี 57 โดย Nido มีแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc ประเทศฟิลิปปินส์

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การเข้าไปลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่นอร์เวย์ครั้งนี้ อยู่ในเป้าหมายของแผนธุรกิจที่บริษัทจะพิจารณาการลงทุนธุรกิจต้นน้ำเมื่อราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูงกว่า 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลเป็นระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดิบยืนอยู่ระดับ 75-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

นอกจากนี้ ในปี 63 จะมีประเด็นที่น้ำมันที่ใช้เติมในเรือเดินสมุทรต่าง ๆ จะต้องเป็นน้ำมันที่มีกำมะถันต่ำ ทำให้ราคาน้ำมันดิบในส่วนที่เป็นน้ำมันดิบเบา (light crude) หรือ sweet crude จะมีราคาสูงกว่าราคาน้ำมันดิบหนักค่อนข้างมากราว 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่แหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์เป็น light crude ประกอบกับโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทก็กลั่นน้ำมันดิบเบาเป็นหลัก ซึ่งทำให้สามารถบริหารต้นทุนแบบหนึ่งด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้น แหล่งที่เข้าไปลงทุนนับว่าเป็นแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ระดับ World Class Asset มีปริมาณสำรองน้ำมัน 1,400 ล้านบาร์เรล ซึ่งผลิตน้ำมันมาแล้วกว่า 20 ปี และยังคาดว่าจะผลิตได้อีกเกือบ 20 ปี ล่าสุดคาดว่าจะผลิตน้ำมันดิบได้จนถึงปี 83 ขณะที่มีปริมาณสำรองที่จะนำขึ้นมาได้อีกเกือบ 200 ล้านบาร์เรล

"น้ำมันดิบที่แหล่งทะเลเหนือเป็นน้ำมันดิบเบา และ sweet crude ด้วย ก็ตอบโจทย์หลาย ๆ อย่าง เราคงไม่คิดจะเข้าไปโดยไม่มีพาร์ทเนอร์ กรณีนี้เราก็มีพาร์ทเนอร์ถือหุ้นคนละครึ่ง ก็จะมาช่วยกันบริหารจัดการและแชร์ความเสี่ยงต่าง ๆ"นายชัยวัฒน์ กล่าว

สำหรับเงินลงทุนแหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์ที่ระดับ 3,760 ล้านบาทนั้น ในเบื้องต้นคงไม่มีการเพิ่มทุนเพื่อเข้าไปลงทุน

ขณะที่กำลังการผลิตปิโตรเลียมของแหล่งนี้อยู่ที่ระดับ 20,000-25,000 บาร์เรล/วัน และโครงสร้างการเก็บภาษีที่นอร์เวย์สนับสนุนให้เอาเงินมาลงทุน เมื่อใดที่นำเงินมาลงทุนรัฐบาลจะยกเว้นภาษีให้ 90% ถือเป็นประเทศที่สนับสนุนให้มีการขุดเจาะปิโตรเลียมมากที่สุด ซึ่งเบื้องต้นแหล่งดังกล่าวมีกระแสเงินสดค่อนข้างแข็งแรงประมาณ 1 หมื่นล้านบาท/ปีที่จะสามารถนำมาลงทุนเพิ่มได้

สำหรับการรับรู้ผลการดำเนินงานของแหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์นั้นจะอ้างอิงกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์เป็นหลัก โดยประเมินราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะยืนอยู่ระดับ 65-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมีโอกาสขยับขึ้นไปที่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลได้ สำหรับแหล่งผลิตดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าจะมีต้นทุนการผลิตที่ระดับ 25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ทั้งนี้ นอร์เวย์ นับเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบอันดับ 4-5 ของโลก โดยมีการผลิตได้ราว 3-4 ล้านบาร์เรล/วัน และเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการขุดเจาะที่สูงมาก การที่บริษัทมีพันธมิตรในประเทศที่มีเทคโนโลยีและมาตรฐานสูงน่าจะช่วยพัฒนาธุรกิจในส่วนนี้ได้เพิ่มเติม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ