(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์กรอบแคบช่วงรอปัจจัยใหม่, จับตาแรงซื้อของกองทุนในประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 5, 2018 09:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ ช่วงรอดูปัจจัยใหม่เข้ามา ส่วนเรื่องสงครามการค้าก็ดูจะเงียบ ๆ ไป แต่ยังต้องติดตามดูต่อไปด้วย โดยพรุ่งนี้ (6 ก.ค.) สหรัฐฯและจีน เตรียมบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 25%

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งก่อน ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ แม้ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้แล้ว แต่ตลาดฯก็อยากจะรอดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ชัดเจนอีกครั้ง และในวันพรุ่งนี้ก็ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้เป็นการแสดงถึงทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

ส่วนบ้านเราเมื่อวานนี้แบงก์ชาติได้มองแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น และหากเงินเฟ้อขึ้น ก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปีนี้มีโอกาสที่ไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแบงก์ขนาดใหญ่

อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยขึ้นอยู่กับแรงซื้อของกองทุนในประเทศ หากชะลอตัวลงก็มีโอกาสที่ตลาดฯจะปรับฐานได้ และก็ขึ้นอยู่กับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,638 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ก.ค.61) ปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 19.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 139.82 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 30.96 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.72 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.48 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.77 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 42.41 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.ค.61) 1,629.20 จุด เพิ่มขึ้น 2.58 จุด (+0.16%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,350.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ค.61
  • ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ก.ค.61) ปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.ค.61) ที่ 4.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.15 อ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค จับตารายงานประชุมเฟด-ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ
  • เงินหยวนอ่อนแรง จากความกังวลสงครามการค้า ขณะ ธปท.มั่นใจผลกระทบเงินบาทเล็กน้อย เหตุกันชนต่างประเทศแกร่ง เตือนผู้นำเข้า- ส่งออกปิดความเสี่ยงค่าเงินรองรับตลาดผันผวน ด้านกนง. ส่งสัญญาณขยับดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจฟื้นชัดและเงินเฟ้อเข้ากรอบเป้าหมายยั่งยืน ด้านรมว.คลัง มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ระดับ 1.5% ไม่ถือว่าสูง ไม่ควรจะขึ้นดอกเบี้ยต่างประเทศอื่นๆ ต้องดูสภาพเศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศว่ามีความจำเป็นหรือไม่ ไม่ใช่ดูแค่ปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเท่านั้น
  • "ฟิทช์ เรทติ้งส์"เตือนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-ประเทศคู่ค้า อาจทำการค้าโลกเสียหายกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะกว่า 40 ประเทศหารือดับเบิลยูทีโอ หวั่นสหรัฐเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์-ชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่ม ไทยผนึกอียู ผลักดันดับเบิลยูทีโอเข้ามาแก้ปัญหาสงครามการค้า
  • รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) กรอบวงเงินไม่เกิน 99.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่าไม่เกิน 3,404 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างถนน 4 เลน เส้นทางสายอีสาน (ระยะที่ 2) 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วง อ.หนองหาน-พังโคน ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วง จ.สกลนคร-นครพนม (กิโลเมตรที่ 180-213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วง จ.ร้อยเอ็ด-ยโสธร รวมระยะทาง 124.9 กิโลเมตร โดยทั้ง 3 โครงการคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2565
  • ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี) ฉบับใหม่ ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วง 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะมีรูปแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยกระทรวงพลังงานจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีเทคโนโลยี มีความคล่องตัว และต้นทุนต่ำมีโอกาสเข้ามาผลิตไฟฟ้าได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับภาคประชาชน
  • ก.ล.ต.ออกเกณฑ์คุมไอซีโอ มีผลบังคับใช้ 16 ก.ค.นี้โดยกำหนดไอซีโอพอร์ทัล หรือผู้ให้บริการระบบ ต้องเข้าเกณฑ์ก่อนถึงจะพิจารณาเสนอขายไอซีโอได้ พร้อมวางกรอบเสนอขายรายย่อยต้องไม่เกิน 3 แสนบาทต่อราย และต้องรับชำระในสกุลเงินบาท หรือสกุลโทเคนที่กำหนดเท่านั้น
  • โบรกฯเผยครึ่งปีแรกเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติหรือฟันด์โฟลว์ไหลออก 5 พันล้านเหรียญ เฉพาะมิ.ย.พุ่ง 1.5 พันล้านเหรียญ มองครึ่งปีหลังสงครามการค้ายังกดดัน สหรัฐเก็บภาษี 2 แสนล้านเหรียญ กระทบวงกว้างทั้งทางตรงและอ้อม ยันเดินหน้าลงทุนไทยมากสุดในเอเชีย เชื่อแข็งแกร่ง ประเมินลงทุน ก.ค.มีโอกาสฟื้นตัว หลังดัชนีต่ำสุดไปแล้ว

*หุ้นเด่นวันนี้

  • IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 75 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/61 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 7.5 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 29%qoq และ 155%yoy จากปริมาณขายและสเปรดมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น
  • KTB (ไอร่า) "โอกาสในการสะสม" เป้า 21.90 บาท แม้คาดสินเชื่อจะเติบโตไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน แต่ภายใต้นโยบายของ KTB ที่ต้องการปรับลดสินเชื่อที่มีความเสี่ยง เช่น สินเชื่อโรงสี และสินเชื่อสหกรณ์ เป็นต้น ทำให้คาดกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น โดยคาดจากสำรองหนี้ 32,000 ล้านบาท ลดลงจาก 44,000 ล้านบาท เมื่อปี 60 (รวมสำรองหนี้ EARTH จำนวน 12,000 ล้านบาท) ขณะที่ KTB ตั้งเป้าหมายสำรองหนี้ในปี 61 ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิ +39% อยู่ที่ประมาณ 31,100 ล้านบาท และคาดผลประกอบการยังมี Upside หากการประมูลขายที่ดิน AQ สำเร็จ คาด KTB มีกำไรพิเศษ 8,500 ล้านบาท คาดเพิ่ม Target Price อีก 0.40 บาท อย่างไรก็ตามยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
  • HMPRO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 15.50 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 อยู่ที่ 1,315 ล้านบาท (+5.4% Q-Q, +16.3% Y-Y) ดีกว่ากลุ่มที่กำไรจะอ่อนตัวเล็กน้อย Q-Q จาก SSSG ที่คาดเป็นบวก 3% Y-Y และอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสินค้า House Brand ที่ขายดีต่อเนื่อง แนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นอีกใน Q4/61 เพราะเป็น High Season และมีการขยายสาขาในประเทศ อีกทั้งยังมีการจัดงาน Hmpro Expo ครั้งที่ 2 ของปี พร้อมคาดกำไรปีนี้ +20% Y-Y อยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ