KTBST มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งกรอบ 1,643-1,700 จุด รับแรงซื้อกลับบิ๊กแคป,งบแบงก์หนุน Sentiment บวก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 23, 2018 11:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมิน SET Index สัปดาห์นี้ (23-26 ก.ค.) ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,643-1,700 จุด ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่ดีในการเดินหน้าต่อ หลังจากปัจจัยกดดันมีน้อยลง โดยจากการประกาศงบการเงินไตรมาสที่ 2/61 ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ออกมาดี ได้เข้ามาสร้างบรรยากาศที่ดีกับตลาด ขณะเดียวกันความมั่นใจของนักลงทุนได้กลับมา หลังจากที่ได้มองกันว่าดัชนีฯผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ด้านราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงเป็นบวกต่อหุ้นปิโตรเคมี และเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก

อย่างไรก็ตาม การเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้ายังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ระบุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยืนยันจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และกล่าวว่าจีนและสหภาพยุโรป (อียู) แทรกแซงค่าเงินให้อ่อนกว่าความเป็นจริง แต่ KTBST ยังเชื่อว่าสงครามการค้าจะไม่เกิดขึ้น สหรัฐฯ น่าจะลดท่าทีที่แข็งกร้าวลง โดยเฉพาะกับประเทศจีน เนื่องจากการปรับใช้ภาษีนำเข้าเพื่อลดการขาดดุลอาจไม่เป็นผลบวกต่อสหรัฐฯ และผู้ประกอบการสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบต่อธุรกิจ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วสินค้านำเข้าสำคัญๆ อาจได้รับการยกเว้นการเก็บหากเป็นดังที่คาด ก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นต่อไปได้

ด้านราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสองทาง คือ ผู้ขายน้ำมันดิบ (PTTEP) ยังขายน้ำมันได้ในราคาที่สูง ขณะที่ผู้ผลิตปิโตรเคมีขั้นต้นก็จะรักษา spread ให้ดีต่อไปได้ ราคาน้ำมันที่ระดับนี้จะไม่ไปกระตุ้นให้มีความกังลต่อเงินเฟ้อ เป็นบวกต่อตลาดโดยรวม

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ที่ทยอยออกมาจะเน้นช่วยผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ที่ประกาศแผนมาแล้ว จะเป็นการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้บัตรสวัสดิการ และแผนพักหนี้เกษตรกรอุ้มลูกหนี้ 3.8 ล้านราย ด้านการลงทุนสาธารณูปโภคก็ถูกเร่งขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้สร้างความเชื่อมั่นให้กัยนักลงทุนได้ แ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน นั้นด้วยภาพรวมของตลาดที่ดีขึ้นทำให้นักลงทุน น่าจะกลับมาเพิ่มพอร์ตอีกครั้งหนึ่ง หุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นหลักๆ ของแต่ละกลุ่ม น่าจะเป็นเป้าหมายของการเข้าซื้อ โดยหลักๆ แรงซื้อจะอยู่ที่กลุ่มธนาคาร-น้ำมัน-ปิโตรเคมี เช่น KBANK, BBL, PTTGC, PTT รวมไปถึง AOT และ WHA ส่วนหุ้นที่ประเมินกำไรรายไตรมาสออกมาดี และบางตัวราคายังปรับขึ้นมาไม่มาก ประกอบด้วย ORI, IVL, RS และ SC


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ