CPT ส่งบ.ร่วมทุนคว้างานปรับปรุงระบบพลังงานลดต้นทุนผลิตรวม 22 โครงการ มูลค่า 1.32 พันลบ.หนุนรายได้ปี 62

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 23, 2018 12:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ (CPT) เปิดเผยว่า บริษัท ซีพีที-ทีทีจี อินโนเวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งใหม่ โดยถือหุ้นอยู่ 60% ร่วมกับบริษัท ไทย เทอร์โบ เจนเนอร์เรเตอร์ จำกัด (TTG) ที่ถือหุ้นอยู่ 40% เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในการสร้างนวัตกรรม ออกแบบและก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับโรงเลื่อยไม้ ได้งานใหม่ 22 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,320 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทุกโครงการพร้อมรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี 62

โดยเป็นการนำเศษไม้ (Wood chip) จำนวนมากที่เป็นของเหลือจากการผลิตของโรงเลื่อยไม้ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 300 โรงในภาคใต้ เพื่อนำเอามาเป็นเชื้อเพลิงของหม้อไอน้ำรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกเหนือจากการใช้ความร้อนของไอน้ำในการอบไม้ได้เหมือนเดิมแล้ว ยังสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้งานในโรงงานได้เองอีกด้วย

"จากที่ทีมงานร่วม CPT-TTG ได้เก็บข้อมูลและศึกษาในเบื้องต้น เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยทำให้โรงเลื่อยไม้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 20-25 ล้านบาทต่อปีต่อโรง จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งบริษัทใหม่ เพื่อนำเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กขนาด 1 เมกะวัตต์ หรือ 1 MW Biomass Co-Generation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำสูงกว่าที่โรงไม้ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งลดมลพิษได้มากกว่าระบบเดิม มาช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคใต้ให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดภาระการใช้ไฟฟ้าของโรงงานเลื่อยและอบไม้ซึ่งมีอยู่กว่า 300 โรงในภาคใต้ ทำให้ระบบไฟฟ้าในภาคใต้มีเสถียรภาพมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย" นายสมศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ การดำเนินการของบริษัทใหม่ แบ่งออกเป็น 3 เฟส คือ เฟสแรก ดำเนินการจำหน่ายและติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 120 ล้านบาท เริ่มดำเนินการเดือน ก.ย.61 แล้วเสร็จประมาณเดือน มี.ค.62 , เฟสสอง ดำเนินการจำหน่าย ติดตั้ง และให้ Financial Lease เครื่องผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลจำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท เริ่มดำเนินการเดือน พ.ย.61 แล้วเสร็จประมาณเดือน มิ.ย.62

เฟสสาม ดำเนินการจำหน่าย ติดตั้ง และให้ Financial Lease เครื่องผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลจำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท เริ่มดำเนินการเดือน ม.ค.62 แล้วเสร็จประมาณเดือน ก.ค.62 โดยคาดว่าโครงการทั้งหมดจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,320 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมรายได้ที่มาจาก Financial Lease, Maintenance Services และ Recurring Income อื่น ๆ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) อยู่ที่ประมาณ 25-30%

นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะร่วมพัฒนาเครื่องผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลให้ได้ไม่น้อยกว่าอีก 50 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมอีกประมาณ 3,000 ล้านบาทภายในปี 63 และบริษัทยังมีแผนจะใช้ศักยภาพที่มีในการพัฒนากระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับผู้ประกอบการ เช่น โรงนึ่งข้าว โรงปาล์ม ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ