ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ AMATA วงเงินไม่เกิน 1 พันลบ. ที่ระดับ "A/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 2, 2018 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) ที่ระดับ "A" ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปชำระหนี้เงินกู้และลงทุนตามแผนงาน

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของไทย รวมทั้งการมีฐานรายได้ประจำขนาดใหญ่จากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและเงินปันผลจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงความเสี่ยงของประเทศและกฎระเบียบที่อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในประเทศเวียดนาม

บริษัทมีผลประกอบการที่ดีในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 45.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยอยู่ที่ระดับ 1,127 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดโอนที่ดินที่เพิ่มมากขึ้นและรายได้ประจำจากบริการสาธารณูปโภคและค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่ดีโดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45.2% เทียบกับระดับ 33%-43% ในปี 2558-2560 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากสัดส่วนรายได้จากการโอนที่ดินในประเทศเวียดนามที่มีอัตรากำไรที่ดีเพิ่มขึ้น

บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การขยายงานอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้ภาระเงินกู้ของบริษัทเพิ่มขึ้น เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 9,142 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2561 จาก 6,750 ล้านบาทในปี 2559 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 37.3% ณ เดือนมีนาคม 2561 จาก 32.2% ในปี 2559 ในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนการลงทุนรวมจำนวน 15,000 ล้านบาทเพื่อซื้อและพัฒนาที่ดินในประเทศไทยรวมถึงพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในประเทศเวียดนาม แม้ว่าจะมีการลงทุนจำนวนมากแต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50.0% ได้

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 18.0% ในปี 2560 และ 21.5% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ในเณฑ์ดีที่ระดับ 11.9 เท่าในปี 2560 และ 14.4 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ ในขณะที่รายได้ประจำจากธุรกิจบริการสาธารณูปโภค รวมทั้งเงินปันผลจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และรายได้ค่าเช่าโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานให้แก่บริษัทได้บางส่วนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว

ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่า เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณปีละ 2,000 ล้านบาทในช่วงปี 2561-2563 ในขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับ 2,700-3,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทมีเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 800-1,800 ล้านบาทต่อปี ด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานตลอดจนภาระหนี้และแผนการลงทุนในระดับที่คาดการณ์ข้างต้นจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 11.0%-14.0% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 5 เท่าในช่วงเดียวกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงได้หากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงหรือความต้องการในการลงทุนที่อ่อนตัวลงมีผลกระทบทำให้รายได้และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหากกระแสเงินสดของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่องโดยที่บริษัทยังสามารถรักษาโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ