TK วางเป้าดันพอร์ตสินเชื่อคงค้างแตะ 1.8 หมื่นลบ.เพิ่มสัดส่วนรายได้ตปท.เป็น 50% ในปี 63,ศึกษา M&A-JV

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 15, 2018 12:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร (TK) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายภายในปี 63 จะผลักดันพอร์ตสินเชื่อคงค้างเพิ่มเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท และมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากแผนงานที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในกัมพูชา รวมถึงเตรียมพร้อมขยายไปยังเมียนมาและอินโดนีเซียด้วย

สำหรับในปี 61 นี้บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,653.58 ล้านบาท และตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อคงค้างเติบโต 10% ไปแตะ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะอยู่ที่ระดับ 4.8% ภายใต้นโยบายที่จะควบคุมไม่ให้เกินระดับ 5%

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก จากแนวโน้มผลผลิตทางเกษตรปรับตัวไปในทิศทางบวก และสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น และไม่มีปัญหาภัยแล้ง ทำให้คาดว่าการใช้จ่ายภาคเกษตรและกำลังซื้อจะฟื้นตัวดีขึ้น จากครึ่งปีแรกที่มีกำไรลดลงตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้ดีแต่ภาคเกษตรราคาสินค้ายังไม่ปรับตัวดีมากนัก อย่างไรก็ดี บริษัทยังกังวลปัจจัยเสี่ยงที่มีจากสงครามการค้า ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถคาดเดาความรุนแรงได้ รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากการเกิดอุทกภัย

"สำหรับตลาดในประเทศครึ่งปีหลังของปี 61 คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกเนื่องจากราคาผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าเกษตรน่าจะเป็นไปในทิศทางบวก ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายในประเทศกระเตื้องสูงขึ้น เนื่องจากในครึ่งปีแรกภาคส่งออกและภาคการท่องเที่ยวเติบโตดี แต่ภาคเกษตรราคาพืชผลยังไม่ปรับตัวสูงนัก โดยในครึ่งปีแรกรายได้เติบโตประมาณ 8% จาก 1,778 ล้านบาทในปี 60 เป็น 1,924 ล้านบาทในปี 61 และมั่นใจจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% ในสิ้นปี 61 นี้" นายประพล กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 95% และรถยนต์ 5% โดยมีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ราว 2% ต่อเดือน และดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์เกือบ 3% ต่อเดือน โดยบริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นจากแนวโน้มการปรับขึ้นจากธนาคาร เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินเพียง 2.6-2.7% และมีการทำสัญญาดอกเบี้ยคงที่ไว้แล้วกว่า 90%

ด้านสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 10% โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาในกัมพูชาอีก 6 สาขา เป็น 12 สาขา และในสปป.ลาว อีก 2 สาขา เป็น 3 สาขาภายในสิ้นปี 61 ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังสนใจการขยายสาขาในเมียนมา โดยปัจจุบันมีการจัดตั้งบริษัทแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการใบอนุญาต และการขยายสาขาอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าลงทุน มองว่าเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากในประเทศ 93% และต่างประเทศ 7%

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนทั้งในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (Joint Venture) โดยตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 10% ปัจจุบันบริษัทมีแหล่งเงินทุนเพียงพอ จากมีวงเงินกู้สถาบันการเงินอีก 3-4 พันล้านบาท ประกอบกับอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ค่อนข้างต่ำที่ระดับ 1.1 เท่า ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นการทำกำไรมากกว่าขนาดของการลงทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ