JCKH คาดปีนี้รายได้แตะ 1.5 พันลบ.พร้อมวางเป้าปี 62 โต 10-15% ลุยเปิดสาขาร้านอาหารต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 23, 2018 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บมจ.เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ (JCKH) คาดว่า ภาพรวมผลประกอบการปีนี้จะมีรายได้ 1,500 ล้านบาทหลังจากปรับโครงสร้างภายใน พร้อมตั้งเป้าหมายปีถัดไปเติบโต 10-15% โดยจากนี้ไปจะเหลือธุรกิจอาหาร 7 แบรนด์ รวมกัน 104 สาขา ได้แก่ HotPot 91 สาขา, Daidomon 7 สาขา, Signature 2 สาขา, Toomato1 สาขา, Soupper Pot 1 สาขา, เจิ้นโต้ว 1 สาขา และ Signor Sassi 1 สาขา

แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 61 ว่ายังคงมุ่งเน้นนโยบายการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ควบคู่ไปกับนโยบายการปรับเพิ่มรายได้ ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วนส่วนแรกคือรายได้ที่จะเกิดจากร้านอาหารที่เป็นแบรนด์เดิมจะใช้กลยุทธ์การปรับระดับของราคาขายทำให้มีความแตกต่าง และหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า รวมถึงจับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีกำลังซื้อที่ต้องการสินค้า

ขณะเดียวกันก็ยังเน้นการพัฒนาและยกระดับการให้บริการและปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงการลงทุนงบโฆษณาและการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างภาพลักษณ์ของ Brand ให้เข็มแข็งและเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยคัดเลือกเครื่องมือทางการตลาดผ่านทั้ง online และ offline เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ส่วนที่สองจะมีการลงทุนในร้านภายใต้แบรนด์ใหม่ที่มีศักยภาพ และสไตล์ร้านอาหารที่หลากหลายมากขึ้น เน้นอาหารประเภท A la carte เนื่องจากมี Gross Profit Margin ที่ดีกว่า เช่น ร้านอาหารเจิ้นโต้ว สไตล์ภัตตาคารจีน ที่ให้บริการอาหารจีน และติ๋มซำ ที่เน้นรสชาต และคุณภาพดี ในระดับราคาที่สมเหตุสมผล ในระยะแรกจะเน้นให้บริการเฉพาะอาหารประเภทติ๋มซำเป็นหลัก และค่อยเพิ่มไลน์เมนูอาหารมากขึ้นในอนาคต JCKH ได้เริ่มเปิดทดลองไปแล้ว 1 สาขา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาและคัดเลือกทำเลที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อ เพื่อจะขยายสาขาใหม่ คาดว่าในปี 61-62 น่าจะเปิดได้อีกไม่น้อยกว่า 2-3 สาขา

และอีกร้านคือ Signor Sassi ร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน เป็นแฟรนไชส์ร้านอาหารจากประเทศอังกฤษ เปิดให้บริการในประเทศไทยมานานกว่า 6 ปี ร้านตั้งอยู่ Siam Paragon ชั้น G ซึ่งถือว่าอยู่ในทำเลที่ดี มีกลุ่มลูกค้าและรายได้ที่แน่นอนแล้ว รวมทั้งด้วยชื่อเสียงของ Brand ทำให้มีโอกาสในการขยายสาขาใหม่ได้อีกในอนาคต ปัจจุบัน Signor Sassi มีรายได้จากการขายเกือบ 50 ล้านบาท/ปี และมี EBITA ประมาณ 1.5 ล้านบาท/ปี

นายอภิชัย กล่าวว่า JCKH ได้ซื้อร้าน Signor Sassi มาจากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในราคาที่ไม่แพงประมาณ 5-6 ล้านบาทตามมูลค่าบัญชีของทรัพย์สินที่ซื้อมา ถึงแม้ปัจจุบันกำไรจะไม่มากนัก แต่คาดว่าเมื่อรวมกิจการเข้าในกลุ่ม JCKH จะทำให้เกิด synergy จากการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกัน จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่า JCKH สามารถเริ่มรับรู้รายได้และกำไรจากร้านนี้ได้อย่างช้าไม่เกินไตรมาส 4/61 และคาดว่าใช้ระยะเวลาคืนทุนได้ภายใน 2 ปี

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 1.23 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 101.96 % เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีผลขาดทุน 51 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม 400.29 ล้านบาทลดลงเล็กน้อย จากงวดเดียวกันที่มีรายได้อยู่ที่ 477.09 ล้านบาท แม้ว่ารายได้รวมจะลดลง แต่จากนโยบายการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมถึงการปิดลดสาขาขาดทุน ส่งผลให้พลิกกลับมามีกำไร ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปีนี้มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น โดยครึ่งปีแรกปีนี้ขาดทุนลดลงเหลือ 31.03 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนขาดทุน 99.13 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ