(เพิ่มเติม) ตลท.ปลื้มสถาบันต่างชาติร่วมงาน"ไทยแลนด์โฟกัส"161 กองทุนสูงสุดตั้งแต่จัดงาน เชื่อหนุน Fund Flow ไหลกลับ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 29, 2018 12:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเปิดงาน Thailand Focus 2018 :"The Future is Now" โอกาสการลงทุน...ไม่ต้องรออนาคต ว่า การจัดงานครั้งนี้ ตลท.ได้ร่วมกับ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทำให้มีนักลงทุนสถาบันต่างชาติเข้าร่วมงานรวม 161 กองทุนทั่วโลก สูงสุดตั้งแต่ได้มีการจัดการงานมา และยังมีกองทุนจากกลุ่มประเทศใหม่ ๆ เข้าร่วมงานอีกด้วย เช่น ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย และตะวันออกกลาง เป็นต้น โดยเชื่อมั่นว่าหลังจากจบงานดังกล่าวจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินไหลกลับ (Fund flow) เข้ามาลงทุนมากขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดทุนของไทยถือว่ามีความเข้มแข็งทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ถือว่าเป็นผู้นำของภูมิภาคอาเซียน โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาด 530,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลจากการขยายธุรกิจและการปรับโครงสร้างบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมชั้นนำ เช่น พลังงาน, สุขภาพ และโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ การระดมทุนในตลาดหุ้นไทยยังมีเป้าหมายลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านด้วย เช่น ลาว และเวียดนาม เป็นต้น

"ตลาดหุ้นไทย มีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียนนับตั้งแต่ปี 2012 ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ เป็นผลมาจากความหลากหลายและองค์ประกอบของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ ที่มีความสมดุล ซึ่งตลาดหุ้นไทยได้พิสูจน์แล้วว่ามีความแข็งแกร่ง สามารถรองรับความไม่แน่นอนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศได้"นายภากร กล่าว

นายภากร กล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนไทยมีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพสามารถปรับตัวรับกับความต้องการในประเทศ และยังสามารถขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนไทยมีสัดส่วนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 46% ในช่วงปี 51-61 ซึ่งมีวิกฤติเกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศหลายครั้ง แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยยังเติบโตได้ 13% โดยเฉพาะธุรกิจการค้าและพาณิชย์ ธุรกิจสุขภาพ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่มีการเติบโตกว่า 3 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมหลัก 4 ด้านที่จะเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแห่งโอกาสที่ดีที่สุดของนักลงทุน โดยอุตสาหกรรม 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1.อุตสาหกรรมท่องเที่ยว 2.อุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี 3.เกษตรนวัตกรรม และ 4.อุตสาหกรรมดิจิทัล

อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีแผนเชื่อมโยงตลาดทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งคาดว่าจะนำกองทุนโครงสร้างพื้นฐานและบริษัทจดทะเบียนในประเทศกลุ่ม CLMV เข้าระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในต้นปี 62

"ตลาดทุนไทยยังคงสถานะแหล่งระดมทุนที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ บนพื้นฐานการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจ...ตลาดหลักทรัพย์จะเข้าไปมีส่วนร่วมในกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงปลายไตรมาส 3 รวมทั้งตลาดหุ้นไทยยังเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงการในภูมิภาคนี้ด้วย เช่น ลาว ที่ระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรในไทยกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ และกองทุนภายใต้ความร่วมมือ ACMECS กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น"นายภากร กล่าว

สำหรับงาน "Thailand Focus 2018" ภายใต้แนวคิด "The Future is Now" นอกจากจะมีกลุ่มประเทศใหม่ ๆ อาทิ กลุ่มสแกนดิเนเวีย และเอเชียตะวันออก เพิ่มเติมจากตลาดหลักคือยุโรปและอเมริกาที่ลงทุนในตลาดทุนไทยอยู่เดิมและมาร่วมงานเป็นประจำทุกครั้ง สะท้อนถึงการที่ไทยอยู่ในความสนใจลงทุน โดยผู้ลงทุนสถาบันที่เข้าร่วมงานมีมูลค่าสินทรัพย์รวม (AUM) 2.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีการประชุมในรูปแบบ one-on-one กับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 115 บริษัท รวมทั้งสิ้น 2,248 ครั้ง

การจัดงานครั้งนี้เน้นย้ำถึงพื้นฐาน บจ. ไทยที่แข็งแกร่งน่าลงทุน มีการเติบโตและให้ผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยผลการดำเนินงาน บจ. ครึ่งแรกปีนี้ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 7.61% ขณะที่ยอดขายเพิ่ม 9.01% ในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึง บจ. ที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมวดพาณิชย์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ สอดคล้องการขยายตัวของ GDP ที่ 4.8% ในครึ่งปีแรก เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว 3.2% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจาก 0.9% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เชื่อมั่นว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการลงทุนภาคเอกชน ที่สอดรับการลงทุนของภาครัฐ การบริโภคในประเทศ และการส่งออก

ผู้ลงทุนสถาบันยังได้รับฟังข้อมูลโดยตรงจากภาครัฐในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความคืบหน้าและเป็นรูปธรรม และในระยะใกล้ จะเห็นว่าตลาดทุนไทยและเศรษฐกิจไทยมีพัฒนาการที่จะขับเคลื่อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เป็นโครงการเชิงกลยุทธ์ของภาครัฐที่จะมีการลงทุนถึงกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย สร้างแรงส่งต่อเนื่องจากโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด และโครงการอื่นๆ ในระยะผ่านมา และยังเอื้อให้เกิดการเชื่อมโยงกับภูมิภาคโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนในระยะยาวจากโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ งาน Thailand Focus เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำหน้าที่เชื่อมโยงโอกาสการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันจากทั่วโลก พร้อมขยายฐานผู้ลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ