ORI ตั้งบ.ย่อยลงทุนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เสริมรายได้ประจำ คาดชัดเจนปี 62 วางงบลงทุน 100 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 4, 2018 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ดำเนินการจัดตั้ง บริษัท ออริจิ้น ฟู้ด จำกัด เพื่อลงทุนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยถือหุ้นในสัดส่วน 99% ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/61 จะมีการขายหุ้นดังกล่าวให้กับพันธมิตรที่เป็นกูรูด้านธุรกิจอาหาร (กูรูฟู้ด) ในสัดส่วน 49% ซึ่งจะส่งผลทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ จะอยู่ที่ 51%

ทั้งนี้ การลงทุนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัทฯจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 25-30% ต่อแบรนด์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการลงทุนได้ในปี 62 เป็นต้นไป คาดจะใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นในธุรกิจอาหารเข้ามาประมาณ 2-3 แบรนด์ คาดน่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลา 2-3 ปีต่อแบรนด์ ซึ่งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเข้ามาสนับสนุนในส่วนของรายได้ประจำในอนาคต

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการลงทุนโครงการในลักษณะมิกซ์ยูสมากขึ้น โดยในปี 62 จะเริ่มมีรายได้ประจำเข้ามาเป็นปีแรกในโครงการ Staybridge Suites Bangkok Thonglor ที่จะเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ เบื้องต้นคาดจะสร้างรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท และในปี 63 จะมีรายได้ประจำประมาณ 700 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3-5% ของรายได้รวมที่ 20,000 ล้านบาท จากการรับรู้โครงการ Staybridge Suites Bangkok Thonglor เข้ามาเต็มปี และโครงการ ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง ที่จะเสร็จใหม่เข้ามาด้วย

ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) บริษัทมียอดขายรวมแล้วที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ายอดขายปีก่อนทั้งปีที่มียอดขาย 14,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มาจากลูกค้าต่างประเทศประมาณ 20% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าฮ่องกง จีน ไต้หวัน มาเก๊า ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ขณะที่ในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 24,000 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มจำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ พาร์ค ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท และโครงการ พาร์ค พร้อมพงษ์ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงยอดโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ไว้ที่ 15,000-16,000 ล้านบาท จากการส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ณ สิ้นเดือนมิ.ย.61 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมทั้งสิ้น 29,042 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 9,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 64 อีกทั้งปัจจุบันยังมีสินค้าพร้อมขาย (สต็อก) ในมือมูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท จาก 14 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทันทีหลังการขาย

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแผนออกหุ้นกู้มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อใช้ซื้อที่ดินใหม่ รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในปี 65 จะมีสัดส่วนรายได้มาจากการขายคอนโดมิเนียม 58.2% รายได้จากการขายโครงการแนวราบ 36.4% รายได้ประจำ 2.9% และรายได้อื่นๆ เช่น งานบริการ 2.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ