ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 19.09 จุด ตามตลาดภูมิภาค นลท.ขายลดเสี่ยงหลังวิตกสงครามการค้า-คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยเดือนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 11, 2018 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,672.42 จุด ลดลง 19.09 จุด (-1.13%) มูลค่าการซื้อขาย 50,027.72 ล้านบาท เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ นักวิเคราะห์ฯ ระบุนักลงทุนขายลดความเสี่ยงหลังยังมีความไม่แน่นอนกรณีสงครามการค้าสหรัฐ-คู่ค้าทั้งจีนและญี่ปุ่น รวมถึงตลาดคาดเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบ ก.ย.นี้ ส่งผลเงินไหลออกต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดฯ ยังรอปัจจัยบวกใหม่ โดยเฉพาะการเลือกตั้ง แต่ภาพรวมตลาดที่ยังถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศทำให้ดัชนีแกว่งตัวต่อ แนะจับตาจุดต่ำสุดรอบก่อนหน้านี้ที่ 1,670-1,665 จุดจะยืนอยู่หรือไม่ หากไม่ไหวคงมีแนวรับถัดไปที่ 1,640-1,620 จุด ส่วนแนวต้านยังอยู่ที่ 1,690 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,672.42 จุด ลดลง 19.09 จุด (-1.13%) มูลค่าการซื้อขาย 50,027.72 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,694.86 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,672.78 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 479 หลักทรัพย์ ลดลง 868 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 415 หลักทรัพย์

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ขณะที่มีความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศต่างประเทศค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า อย่างจีนที่ยังมีข้อพิพาทกรณีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และล่าสุดมีข้อพิพาทกับญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้นักลงทุนขายลดพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงระยะสั้น

ส่วนประเด็นความกังวลต่อการอ่อนค่าของเงินสกุลในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) นั้นเชื่อว่าตลาดไม่ได้ให้น้ำหนักมากนักแล้ว หลังจากที่คาดว่าจะมีผลกระทบไม่มากนักเพราะขนาดเศรษฐกิจไม่ได้ใหญ่

ทั้งนี้ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติวันนี้น่าจะกลับมาเพิ่มขึ้น หลังจากที่แรงขายลดลงก่อนหน้านี้ แต่นักลงทุนต่างชาติก็ไม่ได้กลับมาซื้อและยังมีทิศทางเงินไหลออก เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรอบเดือนนี้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายก็ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เม็ดเงินจะไหลออกเพื่อไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า

สำหรับกรณีความคาดหวังต่อปัจจัยในประเทศเรื่องการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ ก็อาจทำให้มีโอกาสช่วยชะลอการไหลของเงินทุนได้มาก แต่การจะกลับเข้ามาซื้อก็ยังถูกจำกัดจากปัจจัยภายนอกที่กดดัน

นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ ยังต้องรอติดตามประเด็นความคืบหน้ากรณีข้อพิพาททางการค้าของสหรัฐ และให้จับตาบริเวณจุดต่ำสุดรอบก่อนหน้านี้ที่ 1,670-1,665 จุดว่าสามารถยืนอยู่ได้หรือไม่ หากยืนไม่ได้จะมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1,640-1,620 จุด ส่วนแนวต้านยังอยู่ที่ระดับ 1,690 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 4,421.35 ล้านบาท ปิดที่ 48.75 บาท ลดลง 1.50 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,164.28 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท ลดลง 2.25 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,320.65 ล้านบาท ปิดที่ 65.25 บาท ลดลง 1.25 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 1,843.05 ล้านบาท ปิดที่ 41.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,567.61 ล้านบาท ปิดที่ 77.00 บาท ลดลง 2.00 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ