โบรกเกอร์ ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.การบินไทย (THAI) เล็งผลดำเนินงานปีนี้พลิกเป็นกำไรราว 1,745-1,940 ล้านบาท จากปี 60 มีผลขาดทุน 2,107 ล้านบาท เล็งรับผลดี Cabin Factor ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/61) ช่วยผลักดันให้รายได้ต่อหน่วยของผู้โดยสาร (Yield) จะดีขึ้น
แนวโน้มช่วงครึ่งปีหลัง ไตรมาส 3/61 ซึ่งเป็นฤดูที่การท่องเที่ยวชะลอตัว คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะทรงตัว QoQ แต่คาดว่า yield ผู้โดยสารน่าจะเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากผลบวกการปรับขึ้นราคาตั๋วโดยสารอย่างต่อเนื่องผ่านการปรับค่าธรรมเนียมน้ำมัน
ส่วนไตรมาสสุดท้ายปกติจะมีผลประกอบการแข็งแกร่งที่สุดของปี เนื่องจากเป็นฤดูท่องเที่ยว ขณะที่บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น และไม่มีการลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงนี้
นอกจากนี้ กรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจสั่งให้ทำแผนยุทธศาสตร์ THAI ให้มีความชัดเจน เชื่อจะเป็นผลบวกต่อบริษัทในอนาคต และคาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการดำเนินการตาม master plan ฉบับใหม่ที่คาดเริ่มใช้ต้นปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีการจัดซื้อเครื่องบินใหม่จำนวนมาก
ราคาหุ้น THAI ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+1.38%) ขณะที่ SET +0.15%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 18.50 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 16.10 กรุงศรี ถือ 16.00นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่าผลการดำเนินงานของ THAI ในปีนี้จะฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าจะพลิกเป็นกำไรสุทธิ 1,936 ล้านบาท จากปีที่แล้วมีผลขาดทุน 2,107 ล้านบาท โดยคาดว่า Cabin Factor จะปรับดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/61) รายได้ต่อหน่วยของผู้โดยสาร(Yield) จะดีขึ้น จากการที่มีการปรับค่าธรรมเนียมน้ำมันขึ้น 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นการส่งต่อต้นทุนน้ำมันให้ผู้โดยสาร ทำให้มาร์จิ้นของ THAI ดีขึ้นด้วย
อนึ่ง THAI แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/61 ขาดทุนสุทธิ 3.1 พันล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 5.21 พันล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปีนี้มีผลขาดทุน 361.63 ล้านบาท ลดลงจากขาดทุน 2,054 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ การที่ THAI ได้ DD คนใหม่ทำให้น่าจะได้เห็นทิศทางและนโยบายว่าจะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะจากกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีสั่งให้ทำแผนยุทธศาสตร์ให้มีความชัดเจน ทั้งเรื่องการวางเส้นทางบิน การเพิ่มรายได้ การปรับปรุงประสิทธิภาพดำเนินงาน เป็นต้น น่าจะเป็นผลบวกให้ THAI ในอนาคต อีกทั้งก่อนหน้านี้ THAI ได้ทำแผนการจัดซื้อเครื่องบิน 23 ลำใหม่แล้วถูกตีกลับ ซึ่งหากแผนยุทธศาสตร์ออกมาชัดเจนก็คิดว่าน่าจะซื้อเครื่องบินได้ อย่างน้อยเวลานี้ก็มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อ THAI
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์แนะ"ซื้อ"หุ้น THAI คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะดีขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการดำเนินการตาม master plan ฉบับใหม่ ซึ่งคาดเริ่มใช้ภายในต้นปีหน้า
แนวโน้มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/61) โดยไตรมาส 3/61 ซึ่งเป็นฤดูที่การท่องเที่ยวชะลอตัว คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะทรงตัว QoQ แต่ yield ผู้โดยสารน่าจะเพิ่มขึ้น YoY จากผลบวกในการปรับขึ้นราคาตั๋วโดยสารอย่างต่อเนื่องผ่านการปรับค่าธรรมเนียมน้ำมันในปีนี้
นอกจากนี้ ไตรมาสสุดท้ายยังมักจะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการของบริษัทแข็งแกร่งที่สุด เนื่องจากเป็นฤดูท่องเที่ยว, บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนการป้องกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 60% ในไตรมาส 3/61 และ 58% ในไตรมาส 4/61 จาก 45% ในครึ่งปีแรก (H1/61)) และ บริษัทไม่มีการลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงนี้
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 61 ไว้ที่ 1,940 ล้านบาท จากปี 60 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 2,107 ล้านบาท
ส่วนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี ให้เหตุผลที่แนะ"ถือ"หุ้น THAI เนื่องจากกำไรยังไม่มีความชัดเจนในปีนี้ โดยมองว่าผลประกอบการไตรมาส 3/61 อาจจะยังขาดทุนอยู่เนื่องจากเป็นช่วง Low season แล้วจะกลับมามีผลกำไรในไตรมาส 4/61 ซึ่งเป็นช่วง High season อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังคาดการณ์ว่าปีนี้ THAI จะมีกำไรสุทธิที่ 1,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีผลขาดทุน 2,107 ล้านบาท โดย THAI ยังมีความเสี่ยงที่ฝ่ายวิจัยจะปรับประมาณการลง
สำหรับกรณีที่นายสมคิดเร่งผลักดันให้ THAI ทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อฟื้นธุรกิจนั้น มองเป็น Sentiment บวกจากความคาดหวัง THAI จะดีขึ้นในอนาคต แต่ DD คนใหม่เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นาน คงจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อน