TPCH คาดผลงาน Q3/61 สดใสหลังคุมต้นทุนดี พร้อมมองหาซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวลหนุนกำลังผลิตแตะ 200 MW ปี 63

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 17, 2018 10:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส3/61 จะมีกำไรเติบโตดีอย่างน่าพอใจ จากกำลังการผลิตที่อยู่ในเกณฑ์ดีและมีการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ มั่นใจว่า บริษัทจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรที่ดี โดยขณะนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อีกประมาณ 50 เมกะวัตต์ (MW) ขณะที่ปัจจุบันมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD)แล้วจำนวน 60 เมกะวัตต์

"บริษัทยังคงเป้าหมาย มีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเป็น 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 โดยในปีนี้เรามีการ COD แล้ว 60 เมกะวัตต์ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อีกราว 50 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตทั้งสิ้น 110 เมกะวัตต์ ซึ่งเหลืออีกราว 90 เมกะวัตต์ และเพื่อการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าว การพิจารณาเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม ก็อยู่ในแผนที่จะดำเนินการ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณาอย่างรอบคอบโดยเฉพาะเรื่องความคุ้มทุน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยการจัดอันดับเรทติ้ง" นายเชิดศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศจัดอันดับเครดิตองค์กรของ TPCH ที่ระดับ "BBB" โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สามารถคาดการณ์ได้ และแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทได้รับจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานการไฟฟ้าภาครัฐ นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของปริมาณและราคาของวัตถุดิบสำหรับป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล ตลอดจนความเสี่ยงในการดำเนินการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ และระดับการก่อหนี้ที่อาจเพิ่มสูงขึ้น

ทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับ 3,000 ล้านบาทในปี 2564 จากประมาณ 1,600 ล้านบาทในปี 2561 และประเมินว่า บริษัทจะยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยราคาขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่ต่ำจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดต่ำลง อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ดังกล่าวจะเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัท ซึ่งจะเร่งให้เกิดการประหยัดจากขนาดและช่วยลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย

ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิตอยู่ที่ระดับ "Stable" หรือ คงที่ โดยการประเมินอันดับเครดิตดังกล่าว สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะยังมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และสร้างกระแสเงินสดได้ตามที่คาดไว้ โดยที่โครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่จะสร้างแล้วเสร็จตามแผนและสร้างผลตอบแทนที่ดี ซึ่งภายใต้ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่และบริษัทย่อยนั้น การเปลี่ยนแปลงใดใดต่ออันดับเครดิตองค์กรของบริษัทไทยโพลีคอนส์ก็จะส่งผลต่ออันดับเครดิตองค์กรของบริษัทด้วยเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ