(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดตปท. เหตุถูกกดดันจากหลายปัจจัยลบในสหรัฐฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 25, 2018 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงจากความกังวลปัจจัยในต่างประเทศ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ได้ร่วงกว่า 600 จุด หลังจากที่ยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ทำให้มองกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังดูไม่ดีนัก และสรุปรายงานภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้ออกมาระบุว่ามีความกังวลเรื่องการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯชะลอตัวในระยะถัดไปได้ อีกทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯต่างปรับฐานอย่างแรง

นอกจากนี้ทางสหรัฐฯก็ยังมีข่าวเรื่องการพบเหตุมือมืดส่งพัสดุบรรจุวัตถุระเบิดไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน ด้วย ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเป็นการก่อการร้ายหรือไม่

ด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้าราว 1-3% โดยทางเอเชียก็มีความกังวลเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวจากสงครามการค้าทำให้จีนส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯน้อยลง

อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/61 ของ PTTEP วันนี้ และให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 25 ต.ค.นี้ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,585 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630-1,635 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,583.42 จุด ร่วงลง 608.01 จุด (-2.41%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,108.40 จุด ลดลง 329.14 จุด (-4.43%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,656.10 จุด ลดลง 84.59 จุด (-3.09%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 414.35 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 62.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 483.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 136.45 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 50.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 40.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 10.68 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 43.25 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ต.ค.61) 1,623.37 จุด ลดลง 35.19 จุด (-2.12%)
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 3,982.86 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ต.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ต.ค.61) ปิดที่ 66.82 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ต.ค.61) ที่ 5.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.91/93 อ่อนค่าต่อเนื่อง ไร้ปัจจัยหนุน คาดกรอบวันนี้ 32.85-33 บาท/ดอลลาร์
  • ครม.เห็นชอบปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ตามสัญญา จำนวน 3 สถานี มีผลตั้งแต่ 1 ธ.ค.61 "ผู้ว่าฯ รฟม." เผยปรับจำนวน 3 สถานี โดยราคาเริ่มต้นที่ 16 บาท สูงสุด 42 บาท ตามเดิม ขณะที่ผ่านมา BEM ได้ชะลอการปรับราคามาตั้งแต่ 3 ก.ค.61 รวมเป็นเวลา 5 เดือน
  • รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ปีนี้กิจการสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับความสนใจมาก มียื่นขอส่งเสริมเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ หลายราย ได้อนุมัติโครงการใหญ่ไปแล้วรวม 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 5,000 ล้านบาท ที่จ.ภูเก็ต อนุมัติ 2 โครงการ โครงการสวนน้ำวานา นาวา ลงทุน 2,430 ล้านบาท และสวนน้ำของนักธุรกิจ สหราชอาณาจักร ลงทุน 1,346 ล้านบาท
  • "กกพ." พร้อมเปิดทาง "กนอ." หารือประเด็นการนำเข้า LNG ที่ต้องหารให้มีผู้เล่นมากรายเพื่อเอื้อต่อการดึงลงทุนพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 โดยต้องดูนโยบายของกระทรวงพลังงานประกอบด้วย ซึ่งขณะนี้ต้องให้กฟผ.นำร่องนำเข้าก่อนเพื่อดูรายละเอียด ย้ำขณะนี้ก็เปิดกว้างแต่ยังไม่มีรายอื่นขอมา
  • บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์เดือน ก.ย. รวมทั้งสิ้น 88,706 คัน เพิ่มขึ้น 14.3% ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 34,086 คัน เพิ่มขึ้น 15.6% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 54,620 คัน เพิ่มขึ้น 13.5% เติบโตจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่และความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายจากค่ายรถต่าง ๆ ต่อเนื่อง

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SCC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อลงทุน" เป้า 470 บาท กำไร Q3/61 ทรุดลงเหลือเพียง 9,473 ล้านบาท จากการตั้งด้อยค่า 1,670 ล้านบาท ถ้าหากหักรายการนี้จะมีกำไรปกติ 11,143 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่คาดหมายไว้ 11,200 ล้านบาท ธุรกิจปูนซีเมนต์มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และ ธุรกิจแพคเกจจิ้งยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ธุรกิจปิโตรเคมีฯถูกกระทบจากปัจจัยภายนอกสเปรดทรุดลงหนัก ทำให้ปรับประมาณการลดลง และปรับลดคาดการณ์ปันผลลงเหลือ 17 บาท ซึ่งยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ 4.2%
  • IHL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 11.8 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสทยอยซื้อ จากผลกำไรจะเริ่มฟื้นตัว qoq ตั้งแต่ Q3/61 เป็นต้นไป โดยมีปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น หลังจากโรงฟอกหนังเฟสใหม่เริ่มผลิตตั้งแต่เดือน ส.ค. สอดคล้องกับยอดส่งออกหนังไปจีนในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 40%yoy สวนทางยอดส่งออกรวมของไทยที่หดตัว 14%yoy
  • KKP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 81 บาท แนวโน้มกำไร Q4/61 จะเติบโตดีจากธุรกิจ IB ซึ่งมีการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ทั้ง TFFIF, OSP และ รพ.พระราม 9 โดยคงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 6.2 พันล้านบาท +8% Y-Y และปีหน้าคาด 6.4 พันล้านบาท +4% Y-Y พร้อมคาดปันผลสม่ำเสมอปีละ 7% และเป็นหุ้นที่ Underperform กลุ่มแบงก์อยู่ 5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ความเสี่ยงขาลงค่อนข้างจำกัด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ