THCOM คาดรายได้ Q4/61 โตกว่า Q3/61 รับบุ๊ครายได้ให้บริการบรอดแบนด์ลูกค้าฟิลิปปินส์ แต่คงเป้ารายได้ปีนี้หด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 8, 2018 13:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสกล กิตติวัชราพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานปฏิบัติการระบบภาคพื้นดิน บมจ.ไทยคม (THCOM) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/61 จะเติบโตเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/61 จากการให้บริการสัญญาณดาวเทียมบรอดแบนด์กับลูกค้าฟิลิปปินส์รายใหม่ ซึ่งจะทำให้อัตราการเช่าใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 4 เพิ่มเป็น 29%

ขณะที่ทั้งปีคาดรายได้จะลดลงราว 14-15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 7,424.60 ล้านบาท เป็นไปตามการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ หลัง 9 เดือนที่ผ่านมา รายได้จากการขายและการให้บริการ ลดลงราว 14% เนื่องจากดาวเทียมบรอดแบนด์ THAICOM-4 ได้มีการยุติการใช้งานของลูกค้ารายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศไป 2-3 ราย ได้แก่ NBN ออสเตรเลีย, TOT และ Synertone จีน เป็นต้น

"ปีนี้คาดรายได้จะลดลง เป็นไปตามที่เราเคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ 2-3 รายขณะที่ปีหน้า อยู่ระหว่างการทำแผนการดำเนินงาน ก็คาดว่าจะสามารถนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้ในช่วงกลางเดือนม.ค.62 และจะประกาศอย่างเป็นทางการได้ในเดือนก.พ.62"

ทั้งนี้ธุรกิจการให้บริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงทางทะเลบนเรือ หรือ NAVA Service คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 70 ลำ จากปัจจุบันให้บริการแล้ว 47 ลำ โดยขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญากับกองทัพเรือในการให้สัญญาณบริการเพิ่มอีก 12 ลำ และยังได้รับความสนใจจากลูกค้ารายอื่นๆ อีกทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทยังเตรียมที่จะขยายการให้บริการในพื้นที่เอเชียเพิ่มเติมอีกในปี 62

นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรในต่งประเทศ 3-4 ราย ในการทำดาวเทียมบรอดแบนด์ขนาดใหญ่ให้บริการในต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในปี 62 อย่างไรก็ตามหากได้ข้อสรุปชัดเจน ก็จะเริ่มดำเนินการทันที ซึ่งโดยปกติการสร้างดาวเทียมจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี และจะรับรู้รายได้เข้ามาหลังจากนั้น

สำหรับความคืบหน้าการเจรจากับพันธมิตรประเทศจีน ที่บริษัทฯจะเข้าไปเป็นที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมให้กับดาวเทียม TCSTAR-1 ของจีน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 62 โดยเลื่อนจากแผนเดิมที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากพันธมิตรได้มีการปรับแผนการลงทุน ทั้งขนาดของดาวเทียมที่ใหญ่ขึ้น และการระดมทุนเพิ่มเติม จากเดิมที่พันธมิตรจีน จะลงทุนเองทั้งหมด 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 62 ทำให้บริษัทฯ จะสามารถเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันที

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้ศึกษาที่จะทำธุรกิจเพิ่มเติมต่อเนื่อง เพื่อที่จะสามารรถเข้ามาช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตขึ้น เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), เครื่องจักรกลอัตโนมัติ (Robotic) และโดรน เป็นต้น และบริษัทฯ คาดว่าภายในปี 62 การลงทุนต่างๆ เพิ่มเติมจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ถึงการให้บริการระบบติดตามรถยนต์ ด้วยดาวเทียมวงโคจรต่ำ

นายสกล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนความคืบหน้าดาวเทียมไทยคม 4 5 6 ที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 64 ขณะนี้บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับทางภาครัฐ คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในปี 62 ว่าหลังหมดสัมปทานจะทำอย่างไรต่อ อีกทั้งดาวเทียมไทยคม 7-8 ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อหาทางออกระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ในขณะนี้

ขณะที่แผนการเรียกคืนคลื่น C-Band ของกสทช. เพื่อนำใช้ในการไปให้บริการ 5G ในอนาคต ซึ่งคลื่นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับดาวเทียมไทยคม 5 และ 7 ปัจจุบันก็ได้มีการหารือกันกับทางภาครัฐ แต่ก็ยังไม่ได้มีข้อสรุปชัดเจน อย่างไรก็ตามกรณีของต่างประเทศ รัฐบาลจะให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมเป็นผู้จ่ายค่าใช้งานความถี่ให้กับผู้ให้บริการดาวเทียม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ